อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอาหารทั่วโลกในปัจจุบัน ต่างให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพอาหารและความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก จึงมีการกำหนดให้นำเอาระบบมาตรฐานต่างๆ ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ เช่น มาตรฐาน ISO 9000, ISO 14000, HACCP, GMP มาเป็นกติกาสากลในการควบคุมด้านคุณภาพจากแหล่งผลิต
เมื่อหลายๆ ประเทศทั่ว ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการผลิตอาหารให้ได้คุณภาพมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ระบบประกันคุณภาพจึงเข้ามามีส่วนสำคัญในการควบคุมทุกขั้นตอนของการผลิต ตั้งวัตถุดิบ ขบวนการผลิต การบรรจุผลิตภัณฑ์ เสร็จสรรพไปจนส่งถึงมือผู้บริโภค จะเห็นได้จากประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเฉพาะประเทศผู้นำเข้าที่มีศักยภาพการสั่งซื้อสูงๆ ในปัจจุบัน จะกำหนดกฎระเบียนที่มีผลบังคับให้ผู้ประกอบการด้านอาหาร ต้องนำเอาระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดควบคุมวิกฤติที่ต้องควบคุม (HACCP:Hazard Analysis and Cirtical Contical Point) มาใช้ในขบวนการผลิตเพิ่มเติมจากข้อกำหนดด้านสุขลักษณะเดิมที่ถือปฏิบัติมา รวมถึงนำเอาระบบประกันคุณภาพพื้นฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) มาใช้ควบคุมดูแลการผลิตตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานของโรงงานอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน (HACCP:Hazard Analysis and Cirtical Contical Point) หรือระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดควบคุมวิกฤติที่ต้องควบคุม เป็นระบบที่มุ่งเน้นในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายจากจุลินทรีย์สารเคมี และสิ่งปนเปี้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอาหาร ดังนั้นจึงทำให้ประเทศผู้นำเข้ามีความมั่นใจว่าอาหารที่ผลิตภายใต้การควบุคมโดยวิธีนี้ เป็นอาหารที่ปลอดภัยต่อการบริโภค การพัฒนาของระบบ HACCP เริ่มนำมาใช้ในระยะแรกๆ เมื่อปี พ.ศ. 2503 ในโครงการอวกาศของนาซ่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกันความปลอดภัยด้านอาหารสำหรับนักบินอวกาศในคณะเดินทางอยู่ในอวกาศ ซึ่งเน้นในเรื่องการควบคุมและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้น และมีการตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง ณ จุดควบคุมวิกฤติที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในผลิตภัณฑ์อาหาร ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 คณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFUA) มีการประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้ให้หลักการของระบบ HACCP มาใช้มรการผลิตอาหารกระป๋องที่มีความเป็นกรดต่ำและชนิดเติมกรดอย่างเป็นทางการ ทำให้ต่อมาบริษัทผู้ประกอบการด้านอาหารต่างๆ ได้มีการนำเอาระบบนี้มาใช้กันอย่างแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น และในปี พ.ศ. 2536 โครงการมาตรฐานอาหาร เอฟ เอ โอ/ดับ บลิว เอช โอ แห่งองค์การสหประชาชาติ หรือ CODEX ออกประกาศรับเอาหลักการของระบบ HACCP มาเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับ WTO ที่ใช้มาตรฐานของ HACCP มาเป็นหลักอ้างอิงด้านความปลอดภัยของการค้าระหว่างประเทศด้วยกัน
ประโยชน์ของระบบ HACCP นอกจากจะช่วยการันตีคุณภาพของสินค้าที่ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศแล้ว การนำระบบนี้มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมยังส่งผลดีต่อผู้ประกอบการหลายอย่าง อาทิ ช่วยลดความสูญเสียของค่าใช้จ่าย เช่น เมื่อตรวจพบอาหารไม่ปลอดภัยเนื่องจากการผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ ทำให้ต้องเรียกคืนสินค้า และทำลายสินค้า หรือการนำสินค้ากลับเข้ากระบวนการผลิตใหม่ในบางกรณีซึ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ประโยชน์อื่น ๆ อาทิ ช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ผลิตภัณฑ์มีอันตรายต่อผู้บริโภค ลดจำนวนตัวอย่างผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ต้องสุ่มตรวจ รวมถึงช่วยให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในด้านกำลังคน เงินทุน และระยะเวลา
นอกจากนั้นการจัดทำระบบ HACCP ทำให้การจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ไว้เป็นหลักฐานสำหรับการตรวจสอบของลูกค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตรงจุดนี้จะแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการรายนี้มีการประกันคุณภาพการผลิตอยู่ตลอดเวลา และในส่วนของผู้ประกอบเองจะทำให้เกิดแรงกระตุ้นให้มีการพัฒนาแก้ปัญหาและปรับปรุงการทำงานอย่างต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและส่งผลดีในการแข่งขันด้านกำลังคน เงินทุน และระยะเวลา สำหรับในประเทศไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ทำหน้าที่ให้การรับรองและให้คำปรึกษาในการจัดวางระบบ HACCP หลายหน่วยงานได้แก่
ในส่วนของสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ได้ออกระเบียบกรมปศุสัตว์ว่าด้วย การบังคับใช้ระบบวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม(ระบบHACCP) พ.ศ. 2543 เพื่อใช้ควบคุมการผลิตเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์เพื่อการส่งออก โดยจัดตั้งคณะกรรมการตรวจรับรองระบบ HACCP ทำหน้าที่ตรวจสอบในโรงงานฆ่าสัตว์เพื่อการส่งออกการส่งออก ปัจจุบันมีโรงงานที่ผ่านการรับรองจากกรมปศุสัตว์แล้วกว่า 20 โรงงาน และกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบขั้นสุดท้ายอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนโรงงานที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. 2544
สถานการณ์ปัจจุบันในกระแสการค้าโลกขณะนี้ ถือได้ว่าอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและมาตรการต่างๆ ได้ถูกกำหนดขั้นมากมายและนำเอามาเป็นเงื่อนไขสำคัญในการค้าสินค้าอาหาร ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารในอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้นต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการปรับปรุงขบวนการผลิต โดยนำเอาระบบควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบผลิตภัณฑ์มาใช้ในการผลิตสินค้าให้เป็นที่ยอมรับทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ |