พันธุ์ประวัติ เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรี เป็นเป็ดเทศพันธุ์เนื้อพันธุ์แท้ที่กรมปศุสัตว์ได้วิจัยพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 ที่สถานีบำรุงพันธุ์สัตว์บางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และสถาบันวิจัยและพัฒนาสัตว์ปีกแห่งชาติ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี จนถึงปัจจุบัน การปรับปรุงเริ่มจากเป็ดพันธุ์บาร์บารีจากประเทศฝรั่งเศส กรมปศุสัตว์ได้รับการสนับสนุนพันธุ์มาจาก บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นลูกเป็ดแรกเกิด จำนวน 80 ตัว แยกเป็นเพศผู้ 30 ตัว เพศเมีย 50 ตัว กรมปศุสัตว์โดยสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์บางปะกงได้ทำการขยายพันธุ์ คัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ให้สามารถเลี้ยงง่ายขยายพันธุ์ได้ดี เติบโตเร็ว ต้านทานต่อโรค และปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของประเทศ และสามารถผลิตได้จำนวนมากในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเป้าหมายของการปรับปรุงพันธุ์ ในระยะเริ่มต้น ในปี พ.ศ.2536-2540 กรมปศุสัตว์ได้เริ่มทดสอบนำพันธุ์เป็ดเทศพันธุ์นี้ ส่งเสริมโดยจำหน่ายให้เกษตรกรทั่วไป พบว่า เกษตรกรนิยมมาก เนื่องจากโตเร็ว เลี้ยงส่งตลาดได้ในระยะเวลาสั้น 10-12 สัปดาห์ ถอนขนง่าย ขนสีขาว ตลาดต้องการมาก เนื้อมาก และราคาลูกเป็ดไม่แพงเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ความต้องการมีสูงมาก ซึ่งคาดว่าในอนาตคเป็ดเทศพันธุ์นี้จะเป็นเป็ดที่ผลิตเพื่อบริโภคเนื้อภายในประเทศ ทดแทนเป็ดพันธุ์เนื้ออื่นๆ ทั้งนี้เพราะมีกล้ามเนื้อมาก ไขมันน้อย หนังบาง และกล้ามเนื้อมีสีแดง โคเรสเตอรอลต่ำ เหมาะที่จะบริโภคเพื่อสุขภาพ ที่สำคัญคือ สามารถเลี้ยงได้ทั่วไปไม่ว่าจะเลี้ยงจำนวนมากในเชิงพาณิชย์หรือเลี้ยงหลังบ้านในชนบท
ลักษณะประจำพันธุ์
ขนสีขาวตลอดลำตัว มีขนสีดำเป็นจุดเด่นอยู่กลางหัว อาจะมีจุดดำเล็กๆ แซมกลางหัว |
ปากสีชมพู |
เท้าสีเหลืองอ่อน |
ใบหน้ามีผิวหนังขรุขระ เป็นสันนูนเด่น ไม่มีขนและสีชมพู เริ่มจากปากไปบนใบหน้าและขอบตา โดยเฉพาะตัวผู้ จะเห็นชัดเจนกว่าตัวเมีย ดูคล้ายๆ เป็ดใส่หน้ากาก เป็นลักษณะเฉพาะพันธุ์เป็ดเทศเท่านั้น |
ลำตัวยาว หน้าอกกว้าง อกตัน เนื้อมาก |
เท้ามี 4 นิ้ว โดยที่ 3 นิ้วแรกอยู่ด้านหน้ายึดติดกันด้วยผังผืดไว้ให้เป็ดว่ายน้ำได้ อีกนิ้วอยู่ด้านหลังสำหรับรักษาการทรงตัวเวลายืนเดินและผสมพันธุ์ |
น้ำหนักแรกเกิด 42-54 กรัม เพศผู้โตเต็มที่หนัก 5-6 กก. เพศเมีย 2.6-2.8 กก. |
เพศผู้ขนาดใหญ่กว่าเพศเมีย 2 เท่า |
แรกเกิดขนสีขาวอมเหลือง มีจุดดำกลางหัว ปากสีชมพู แข้งเหลือง |
เริ่มไข่อายุ 6-7 เดือน ไข่ได้ปีละ 150-180 ฟอง และฟักไข่ได้เอง
เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรี ได้รับการวิจัยและพัฒนาให้เป็นพันธุ์แท้ที่สามารถเลี้ยงเพื่อผลิตเนื้อป้อนตลาดได้ในระยะเวลา 10-12 สัปดาห์ หรือจะเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ได้โดยตรง หรือนำพันธุ์นี้ไปผสมพันธุ์ข้ามกับสายพันธุ์อื่นก็จะได้ลูกผสมที่มีการเจริญเติบโตทัดเทียมกับพันธุ์แท้ เช่น นำไปผสมกับเป็ดเทศพันธุ์ท่าพระ 2 ซึ่งเป็นเป็ดเทศสีดำพันธุ์พื้นเมือง ก็จะให้ลูกผสมเติบโตเร็วไข่ดกเลี้ยงง่าย แข็งแรงทนทานต่อสภาพการเลี้ยงดูในชนบท เหมาะสำหรับเกษตรกรรายย่อย เลี้ยงไว้เพื่อบริโภคและเสริมรายได้ ลูกผสมทั้งเพศผู้และเพศเมียมีลักษณะพิเศษคือ หัวและคอจะมีสีขาวคล้ายๆ หัวสวมถงเท้าขาว หลังมีขนสีดำเป็นส่วนใหญ่แต่แซมด้วยขนขาวประปราย หน้าอกด่าง รูปร่างใหญ่เหมือนพ่อ เป็นหนุ่มสาวเร็ว เริ่มไข่เมื่ออายุ 5-6 เดือน มีนิสัยฟักไข่ได้เอง ไข่เต็มที่ปีละ 150-160 ฟอง อายุการให้ไข่ 2 ปีแรกให้ไข่สูงสุดและลดลงในปีต่อไป การเจริญเติบโตเป็ดเทศลูกผสมกบินทร์บุรี-ท่าพระ
อายุ (สัปดาห์)
|
น้ำหนัก (กรัม/ตัว)
|
อาหาร : น้ำหนัก
|
2 4 6 8 10 12
|
235 691 1,458 2,128 2,600 2,818
|
1.48 : 1 1.79 : 1 2.05 : 1 2.35 : 1 2.74 : 1 3.29 : 1
|
เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรีพันธุ์แท้สามารถเลี้ยงได้ทั้งที่เป็นเป็ดเนื้อขุนส่งตลาดได้ในระยะเวลา 10-12 สัปดาห์ หรือเราจะเลี้ยงไว้ขยายพันธุ์ คือ ใช้ได้ทั้ง 2 วัตถุประสงค์ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเกษตรกร ในกรณีที่เลี้ยงเพื่อผลิตเนื้อส่งตลาดนั้น วิธีการเลี้ยงแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ การเลี้ยงเป็ดเล็ก อายุ 0-3 สัปดาห์, การเลี้ยงเป็ดระยะเจริญเติบโต อายุ 4-10 สัปดาห์ และ ระยะสุดท้าย 11-12 สัปดาห์
|
การเลี้ยงลูกเป็ดเทศกบินทร์บุรีอายุ 0-3 สัปดาห์ การเลี้ยงเป็ดเทศจะสำเร็จหรือไม่นั้น มีความเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกเป็ดระยะ 3 สัปดาห์แรกเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าลูกเป็ดนั้นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการทำฟาร์มที่อยู่ในความสนใจของเรา ถ้าลูกเป็ดแข็งแรง เติบโตสม่ำเสมอสมบูรณ์ ไม่อมโรคแล้ว การเลี้ยงในอีก 2 ระยะต่อไปจะไม่ประสบปัญหา ดังนั้น ทุกๆ ฟาร์มจึงควรเอาใจใส่ในระยะแรกนี้เป็นพิเศษ โดยปกติแล้วถ้าลูกเป็ดอายุ 0-3 สัปดาห์ มีความต้องการอย่างยิ่งอยู่ 5 อย่างด้วยกัน คือ ความอบอุ่น อาหารที่มีคุณภาพ น้ำสะอาด การป้องกันโรค และการเตรียมพร้อมก่อนนำลูกเป็ดเข้ามาเลี้ยง 1. การเตรียมพร้อมก่อนนำลูกเป็ดเทศกบินทร์บุรีเข้ามาเลี้ยง มีหลายอย่างที่จะต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนนำลูกเป็ดเข้าฟาร์ม คือ 1.1 ทำความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับลูกเป็ดระยะแรกโดยการล้างน้ำให้สะอาดแล้วตากแดด 1-2 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรค การตระเตรียมกรงกก หรือห้องสำหรับกกลูกเป็ด จะต้องเตรียมล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ถ้ากกลูกเป็ดบนพื้นคอกจะต้องเปลี่ยนวัสดุรองพื้นใหม่ทุกๆ ครั้งที่นำลูกเป็ดเข้าคอกกก 1.2 การสั่งจองลูกเป็ด ก่อนที่จะเลี้ยงเป็ดเทศ ควรจะได้มีการวางแผนว่า ควรจะเลี้ยงช่วงเวลาใดจึงเหมาะสม และเมื่อตัดสินใจแล้วก็ควรจะสั่งจองลูกเป็ดไว้ล่วงหน้า และควรสั่งจองจากโรงฟักที่มีชื่อเสียงเชื่อถือได้ และไม่ไกลเกินไป การขนส่งลูกเป็ดเกินกว่า 24 ชั่วโมงจึงไม่ควรปฏิบัติ เพราะว่าลูกเป็ดจะสูญเสียน้ำระเหยออกจากตัวมาก ทำให้เป็ดน้ำหนักลด ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความแข็งแรงของลูกเป็ดในระยะเวลาต่อมา 1.3 การให้น้ำที่สะอาดแก่ลูกเป็ด ในระยะแรกที่ลูกเป็ดมาถึงฟาร์ม น้ำที่เตรียมไว้ควรจะเป็นน้ำที่สะอาด เช่น น้ำใต้ดิน น้ำบาดาล หรือน้ำบ่อตื้น หรือน้ำฝน เป็นน้ำที่สะอาด โดยใส่ไว้ในถังหรือขวดใส่น้ำเป็ดและไก่ ควรจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกเป็ดกินน้ำประปา เพราะว่าลูกเป็ดจะตายหรืออ่อนแอมากเมื่อกินน้ำที่มีสารคลอรีนสำหรับฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ถ้าหากว่าจำเป็นต้องใช้น้ำประปาเลี้ยงลูกเป็ดระยะแรกแล้ว อาจทำได้โดยต้องเปิดน้ำเก็บไว้ในถังข้ามคืน 1.4 โรงเรือนและอุปกรณ์ จะต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าที่สำคัญๆ ได้แก่ โรงเรือนที่ใช้กกลูกเป็ด ควรจะเป็นโรงเรือนที่สามารถป้องกันลมและฝนได้พร้อมทั้งป้องกันสัตว์ต่างๆ ที่เป็นศัตรู และเป็นตัวนำเชื้อโรคมาสู่ลูกเป็ด เช่น สุนัข แมว หนู นกต่างๆ ถ้าไม่มีโรงเรือสำหรับกกลูกเป็ดโดยเฉพาะ ก็สามารถดัดแปลงบริเวณใต้ถุนบ้าน หรือโรงเก็บวัสดุเกษตร หรือใต้ยุ้งฉางข้าวเป็นที่กกลูกเป็ดก็ได้ แต่ต้องยึกหลักที่ว่า โรงกกลูกเป็ดเทศที่ดี ควรมีช่องระบายอากาศถ่ายเทสะดวก ส่วนใหญ่แล้วโรงกกลูกเป็ดเทศมักจะเป็นโรงเรือนที่มีฝาประตู หน้าต่าง ค่อนข้างจะมิดชิด เพื่อเก็บความอบอุ่นและป้องกันลมแรง ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีช่องระบายอากาศ เพื่อไล่อากาศเสียออกไป เพราะว่าเกี่ยวขอ้งกับความชื้นในคอกลูกเป็ด ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสุขภาพและการแพร่เชื้อโรค สูตรสำเร็จของการเลี้ยงเป็ดเทศพันธุ์นี้ คือ การทำให้พื้นคอกแห้งอยู่เสมอ 2. การกกลูกเป็ดเทศ นับว่าเป็นหัวใจของการเลี้ยงเป็ดเทศเลยทีเดียว เพราะถ้ากกไม่เหมาะสมแล้วจะมีผลกระทบตามมา จึงควรเอาใจใส่เป็นพิเศษ การกกลูกเป็ดเป็นการทำให้ลูกเป็ดอบอุ่น เริ่มจากเตรียมพื้นคอกให้สะอาด โดยการปูพื้นด้วยวัสดุแห้งหลายชนิด เช่น แกลบ, ฟางข้าว, หญ้า, ซังข้าวโพดบด หรือทรายก็ได้ โดยปูพื้นให้หนาประมาณ 1-2 นิ้ว เพื่อดูดซับมูลลูกเป็ดซึ่งเป็นของเหลวเป็นส่วนใหญ่ ถ้าหากพื้นกกเปียกแฉะ ลูกเป็ดจะไม่เจริญเติบโต เลี้ยงยาก ติดเชื้อ และอัตราการตายสูง ดังนั้นจึงต้องหมั่นตรวจดูพื้นคอกกกทุกวัน ถ้าหากเปียกชื้นควรกลับแกลบ หรือวัสดุรองพื้นทุกวัน เพื่อให้ความชื้นระเหยออกไป การกกควรจะแบ่งลูกเป็ดออกเป็นคอกๆ ละประมาณ 150-200 ตัว โดยใช้แผงไม้ขัดไม้แตะหรือแผงกระดาษหนาทึบ หรือสังกะสี หรือพลาสติกสูงประมาณ 30-45 ซม. กั้นระหว่างคอก เพื่อป้องกันลูกเป็ดนอนสุมกันในเวลากลางคืน ขนาดของคอกขึ้นอยู่กับอายุของลูกเป็ด 0-1 สัปดาห์ พื้นที่ 1 ตารางเมตร แหล่งของความร้อนที่ใช้กกลูกเป็ดอาจจะใช้เครื่องกกลูกไก่ไฟฟ้าที่มีจำหน่ายทั่วไป หรือประกอบเองก็ได้ โดยทำเป็นโครงไม้ขนาด 1X2 เมตร ยกพื้นสูง 30-45 ซม. แขวนหลอดไฟขนาด 60 วัตต์ 2 หลอด ห่างกัน 50-60 ซม. ปูสังกะสี เสื่อลำแพนไม้อัด หรือวัสดุอื่นๆ เช่น กระสอบป่านปูทับโครงไม้ด้านบนเพื่อเก็บความร้อนไว้ให้ลูกเป็ดได้อบอุ่น, วางกกไว้ตรงกลางห้องจะสามารถกกลูกเป็ดได้ 200 ตัว ในระยะแรกลูกเป็ด อายุ 2-3 วัน ควรทำแผงกั้นรอบบริเวณเครื่องกกป้องกันไว้ไม่ให้ลูกเป็ดหลงทางหนีห่างจากเครื่องกก วันต่อๆ ไปจึงขยับแผงกั้นห่างออกไปจนที่สุดไม่ต้องกั้น นอกจากนี้ยังกกลูกเป็ดในตะกร้าไม้ไผ่หรือกล่องกระดาษ หรือสุ่มไก่โดยมีหลักว่าใช้ผ้าหรือกระสอบคลุมเพิ่มความอบอุ่นให้ลูกเป็ด วิธีการกกลูกเป็ดอีกวิธีหนึ่งซึ่งสามารถลดปัญหาความเปียกชื้นของพื้นคอกจากกาที่ลูกเป็ดเล่นน้ำ และเกิดจากลูกเป็ดขี้เหลว คือ การกกบนตาข่ายยกสูงจากพื้น 10-15 ซม. ซึ่งวางเรียงกันบนพื้นซีเมนต์ที่ลาดเอียง ลูกเป็ดจะปล่อยเลี้ยงบนพื้นลวดตาข่ายและมีรางน้ำ อาหาร และไฟกกอยู่พร้อม ลูกเป็ดถ่ายมูลออกมาและน้ำที่หกก็จะตกกลงลนพื้นซีเมนต์ แล้วเราก็ใช้น้ำฉีดบ้างพื้นคอกได้ทุกวัน เพราะพื้นได้ทำให้ลาดเอียงไว้อยู่แล้ว เป็นวิธีที่นิยมมาก เรากกลูกเป็ดเพียง 1-2 สัปดาห์เท่านั้นก็พอ โดยเฉพาะฤดูร้อนอาจจะกกเพียง 9-10 วันก็พอ แต่ฤดูหนาวอาจจะกก 10-21 วัน ในทางปฏิบัติกันทั่วไปคือ การกกลูกเป็ดในโรงกก 9-10 วัน แล้วปล่อยออกไปเลี้ยงในบ่อน้ำที่จัดไว้ให้เป็ดเล่น หรือถ้าหากไม่มีบ่อน้ำก็สามารถเลี้ยงลูกเป็ดปล่ยในแปลงหญ้าที่มีต้นไม้ให้ร่มเงาหรือ จะเลี้ยงภายในคอกกักบริเวณโดยไม่จำเป็นจะต้องมีน้ำให้ลูกเป็ดเล่นก็ได้ แต่ต้องมีน้ำสะอาดให้กินตลอด อุณหภูมิที่ใช้กกขึ้นอยู่กับอายุเป็ดและอุณหภูมิของอากาศ ถ้าอากาศร้อนระหว่างเวลา 10-15 นาฬิกา ของทุกวัน อากาศร้อนเราก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดไฟกก สังเกตได้จากลูกเป็ดจะไม่อยู่ให้กก จะการะจายอยู่รอบๆ หรือลูกเป็ดหายใจหอบอ้าปากหายใจ แสดงว่าร้อนจัด ลูกเป็ดจะสูญเสียน้ำหนักมากและอ่อนแอไม่กินอาหารและตายในที่สุด อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับกกลูกเป็ด แสดงไว้ในตารางที่ 1 ตารางที่ 1 แสดงอุณหภูมิที่เหมาะสมในการกกลูกเป็ดอายุ 0-3 สัปดาห์
อายุ
|
อากาศร้อน
|
อากาศเย็น
|
องศาF
|
องศาC
|
องศาF
|
องศาC
|
1 วัน
|
95
|
35
|
95
|
35
|
2-7 วัน
|
95-90
|
35-32
|
95-90
|
35-32
|
1-2 สัปดาห์
|
90-80
|
32-26
|
90-80
|
32-26
|
2-3 สัปดาห์
|
หยุดกก
|
80-75
|
26-23
|
2.1 วัสดุรองพื้นคอกกก ถ้ากกบนพื้นดินควรรองพื้นด้วยวัสดุที่ดูดซับความชื้นได้ดี เช่น แกลบ ขี้เลื่อย ดินทราย ซังข้าวโพด การจัดการด้านวัสดุรองพื้น นับว่าสำคัญมากเช่นเดียวกับการควบคุมความอบอุ่น วัสดุรองพื้นที่เปียกชื้นควรนำออกไปทิ้งหรือไม่ก็เติมวัสดุลงไปอีก โดยเฉพาะวัสดุที่อยู่ใกล้ถาดน้ำ มักจะเปียกแฉะจากการที่ลูกเป็ดชอบเล่นน้ำ ดังนั้นจึงต้องหาวิธีป้องกันหรือย้ายที่ตั้งขวดน้ำบ่อยๆ 2.2 ความชื้นภายในคอกลูกเป็ดประมาณ 65-75% ถ้าหากความชื้นภายในคอกสูงเกินไป ควรจะต้องปรับปรุงช่องระบายอากาศให้กว้างขึ้นหรือทำให้ลมพัดเข้าออกให้มากขึ้น เพื่อลดความชื้นให้ลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม แนะนำไม่ควรใช้ผ่า หรือพลาสติกหุ้มรอบๆ คอกจะมืดทึบตลอดวัน ควรปิดเฉพาะกลางคืนที่มีอากาศหนาวเย็น 2.3 การปล่อยให้ลูกเป็ดเล่นน้ำ ในระยะแรกๆ 1-3 สัปดาห์ ลูกเป็ดจะยังไม่จำเป็นที่เล่นน้ำ อาบน้ำ จึงกกไว้ในโรงกกก่อน เพราะว่าเมื่อเล็กๆ นี้ อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการใช้น้ำในร่างการของลูกเป็ดยังไม่พัฒนา เราจึงเลี้ยงโดยไม่ให้เล่นน้ำ แต่ว่ามีบางกรณีที่ลูกเป็ดเปื้อน สกปรก อาจจะให้ลูกเป็ดเล่นน้ำได้เพื่อล้างสิ่งสกปรกออก โดยปล่อยให้เล่นน้ำในเวลาที่มีแสงแดดจัด เช่น ใกล้เที่ยง หรือบ่าย 1-2 โมง และจำกัดให้เล่นน้ำเพียง 5-10 นาที และไล่ขึ้นตากแดดให้ขนแห้ง แล้วจึงต้อนไปในคอกต่อไป 2.4 การให้แสงสว่าง ในระยะแรกเราจำเป็นต้องให้แสงสว่างตลอดเวลา โดยอาศัยไฟจากกรงกกในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันก็ใช้แสงธรรมชาติ การให้แสงสว่างอย่างต่อเนื่องตลอดวันระยะอายุ 2 วันแรก จะช่วยให้ลูกเป็ดได้กินน้ำและอาหารอย่างพอเพียง ทำให้ลูกเป็ดแข็งแรง แสงสว่างที่ใช้ในเวลากลางคืนเราใช้หลอดไฟนีออนขนาด 20 วัตต์ หรือหลอดสว่างขนาด 40 วัตต์ ต่อพื้นที่คอกกก 30 ตารางเมตร 3. การให้น้ำและอาหารลูกเป็ด การให้อาหารลูกเป็ดระยะ 2 วันแรก ควรมช้อาหารผสมชนิดผงคลุกน้ำพอหมาดๆ ใส่ในภาชนะแบนๆ มีขอบเตี้ยๆ เช่น ถาดสังกะสีหรือไม่ก็โดยบนกล่องกระดาษที่ส่งลูกเป็ด แต่แกะกล่องกระดาษให้วางเรียบๆ บนพื้น อาหารควรเป็นอาหารลูกเป็ดระยะอายุ 0-3 สัปดาห์ เป็นอาหารที่มีโปรตีน 17-18% พลังงานใช้ประโยชน์ได้ 2,890 กิโลแคลอรี่ รายละเอียดของสูตรอาหารแสดงไว้ในตารางที่ 2 อาหารและน้ำควรจะวางไว้อยู่ใกล้เครื่องกก ห่างประมาณ 20-30 ซม. เพื่อให้ลูกเป็ดกินอาหารได้สะดวกและอยู่ใกล้ไฟหลังจาก 2 วันแรกให้วางอาหารค่อยๆ ห่างจากไฟกกออกไป 1-1.5 เมตร และขยับให้ห่างออกเรื่อยๆ สุดท้ายให้ห่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การให้น้ำอาจจะใส่ในขวดพลาสติก สำหรับให้น้ำเป็ดและไก่ที่มีจำหน่ายในตลาด หรือใส่ภาชนะอื่นที่หาได้ และให้วางอยู่ใกล้อาหาร ควรเป็นน้ำสะอาดไม่มีสารเคมี คลอรีน ถังน้ำ ขวดน้ำ รางน้ำ ควรทำความสะอาดทุกวันๆ ละ 1-2 ครั้ง ตารางที่ 2 สูตรอาหารลูกเป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรีอายุ 0-3 สัปดาห์
วัตถุดิบ
|
สูตรที่
|
1
|
2
|
3
|
4
|
5
|
ปลายข้าว หรือ ข้าวเปลือกบด หรือ ข้าวฟ่างบด รำละเอียด กากถั่วเหลือง ถั่วเหลืองเม็ดบด ถั่วเขียวหรือถั่วพุ่ม ปลาป่น ใบกระถินหรือใบใบมันสำปะหลัง เปลือกหอย ไดแคลเซียมฟอสเฟต เกลือป่น ไวตามิน-แร่ธาตุ
|
49 20 28 - - - - 1.30 1.30 0.50 0.50
|
27 35 - 30 - - 5 1.1 1.25 0.50 0.50
|
53 - 23 - 20 - - 1.0 1.7 0.5 0.25
|
58 5 20 - 5 5 5 0.5 1.0 0.5 0.25
|
70.89 17.10 10.00 1.00 - 0.50 0.25
|
หมายเหตุ : 1. ปลายข้าว ข้าวเปลือกบด และข้าวฟ่างบดใช้ทดแทนกันได้ 2. ถั่วเหลืองเม็ด, ถั่วเขียว, ถั่วพุ่ม ก่อนนำมาใช้ควรทำให้สุกก่อนด้วยการแช่น้ำร้อนที่เดือดแล้วประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงนำไปตากแห้งและบดเก็บไว้ผสมในอาหารเป็ด หรือสัตว์ปีกอื่น |
การเลี้ยงลูกเป็ดเทศอายุ 3-8 สัปดาห์ ลูกเป็ดอายุครบ 2 สัปดาห์ ความต้องการทางด้านกกเพื่อให้ความอบอุ่นจะลดลงหรือไม่ต้องกกเลยก็ได้ ทั้งนี้เพราะว่าลูกเป็ดมีขนขึ้นเต็มลำตัว และลูกเป็ดกินอาหารได้ดีจนสามารถสร้างความอบอุ่นขึ้นได้เองอย่างเพียงพอ ลูกเป็ดอายุ 3-8 สัปดาห์จะมีการเจริญเติบโตสูง ดังนั้นเกษตรกรเจ้าของฟาร์มจึงต้องควรเอาใจใส่ในด้านอาหาร การให้อาหารและส่วนประกอบของอาหารที่ถูกต้อง จำนวนอาหารที่ให้เป็ดกินและการจัดการเลี้ยงดูที่เหมาะสม 1. การจัดการเลี้ยงดูที่เหมาะสม การเลี้ยงลูกเป็ดระยะเจริญเติบโตนี้ไม่ค่อยจะยุ่งยาก เราสามารถเลี้ยงแบบปล่อยให้อยู่รวมกันเป็นฝูง, เลี้ยงในโรงเรือนมีหลังคาและกั้นห้องให้อยู่กันเป็นห้องๆ หรือ อาจเลี้ยงปล่อยทุ่งไล่ต้อนกลับคอกในตอนเย็น หรือเลี้ยงในโรงเลี้ยงเป็ดที่มีลานดินยื่นออกมานอกโรงเรือนให้ลูกเป็ดเล่นน้ำและพักผ่อนในเวลากลางวัน ส่วนกลางคืนให้ขังในโรงเรือน ข้อสำคัญของการเลี้ยงเป็ดระยะนี้ คืออย่าขังเป็ดรวมกันให้แน่นเกินไปถ้าหากเป็ดแน่นแล้วลูกเป็ดจะจิกกัน โดยเฉพาะถ้าหากเราให้อาหารไม่เพียงพอหรืออาหารมีส่วนประกอบไม่ได้สัดส่วน ลูกเป็ดจะยิ่งจิกขนและกินขนกันมากยิ่งขึ้น ข้อแนะนำคือ ให้ลูกเป็ดอยู่ระหว่าง 4-5 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ในกรณีบางฟาร์มมีพื้นที่มีบ่อน้ำหรืออยู่ใกล้แหล่งธรรมชาติ ก็สามารถปล่อยเลี้ยงได้โดยไม่จำเป็นต้องมีโรงเรือนแต่มีร่มเงาต้นไม้เหรือเพิงบังแดด ข้อดีวิธีนี้คือ เป็ดมีอิสระไม่จิกขนกันทำให้ขนสวยเป็นมัน ข้อสำคัญขอให้มีน้ำสะอาดให้กินตลอดเวลา 2. การให้อาหาร ลูกเป็ดระยะนี้มีการเจริญเติบโตสูง ดังนั้นอาหารที่ใช้เลี้ยงจึงควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพสูงเหมาะสมกับอัตราการเจริญเติบโตและอายุของลูกเป็ดด้วย นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงปริมาณที่ให้กินต่อวัน และตรวจสอบน้ำหนักของลูกเป็ดให้อยุ่ในมาตรฐานด้วย โดยปกติแล้วเราให้อาหารลูกเป็ดวันละ 2 ครั้ง คือ เช้า 7-8 โมงเช้า และบ่าย 4-5 โมงเย็น อาหารที่ให้เป็นอาหารชนิดผงคลุกน้ำให้ชื้นพอหมาดๆไม่ถึงกับเปียกแฉะ ซึ่งจะทำให้ลูกเป็ดกินได้ง่ายและไม่ตกหล่นมาก อาหารที่คลุกน้ำแล้วจะถูกเทใส่ในรางไม้หรือถังใส่อาหารสัตว์ชนิดแขวนบรรจุ 4-5 กิโลกรัม ก็แล้วแต่สะดวก อาจเทบนกระสอบหรือภาชนะแบนๆ วางอยู่กลางคอกและวางอยู่ไกลน้ำดื่ม 3-4 เมตร ควรจัดหารางอาหารให้พอเหมาะกับจำนวนเป็ด รางอาหารที่เป็นรางไม้ที่เป็ดกินได้ทั้งสองข้างขนาดยาว 1 เมตร เลี้ยงเป็ดได้ 40-50 ตัว จำนวนอาหารที่ให้ในแต่ละครั้งควรใกล้เคียงกับมาตรฐาน พร้อมกันนี้สุ่มลูกเป็ด 10% มาชั่งน้ำหนักทุกๆ สัปดาห์
วัตถุดิบ
|
สูตรอาหารเป็ดเทศ อายุ 4-12 สัปดาห์ (ก.ก.)
|
1
|
2
|
3
|
4
|
5
|
6
|
7
|
ปลายข้าว มันสำปะหลัง รำละเอียด กากถั่วเหลือง ถั่วเหลืองเม็ด ถั่วเขียว, ถั่วพุ่ม ปลาป่น ใบกระถิน ใบมันสำปะหลัง เปลือกหอย ไดแคลเซี่ยมฟอสเฟต เกลือป่น ไวตามิน-แร่ธาตุ รวม |
75 - - 21 - - - - - 1 2 0.5 0.5 100
|
71 - - 17.0 - - 10 - - 1 - 0.5 0.5 100
|
61 - - - 20.5 - - 5 10 0.5 2 0.5 0.5 100
|
66 - - - - 16 - 5 9 1 2 0.5 0.5 100
|
69 - - 13.5 - - 5 5 5 0.5 1 0.5 0.5 100
|
30 34.5 - 12.0 - 10 - 5 5 0.5 2 0.5 0.5 100
|
66 - - - - 16 - 5 9.5 0.5 2 0.5 0.5 100
|
หมายเหตุ : 1. ปลายข้าว ข้าวเปลือกบด ข้าวฟ่างบดใช้แทนกันได้อัตราส่วน 1: 1 2. ถั่วเหลืองเม็ด ถั่วเขียว และถั่วพุ่มก่อนนำมาใช้ควรทำให้สุกก่อน โดยการแช่น้ำร้อนที่กำลังเดือด แช่ประมาณ 10-15 นาที แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง ก่อนที่จะบด 3. ไวตามิน-แร่ธาตุ ที่จะเติมลงไปในอาหารให้ปฏิบัติตามคำแนะนำผู้ผลิต
|
การเลี้ยงเป็ดเทศทุกๆ พันธุ์ หรือแม้แต่เป็ดพันธุ์ไข่ เกษตรกร ควรทราบว่าอาหารเป็ดทุกๆ อายุ ไม่ควรจะใช้ข้าวโพดผสม เพราะข้าวโพดมีสารพิษ อัลฟลาท็อกซิน ซึ่งเป็ดทุกชนิดจะแพ้และไม่ต้านทานต่อสารพิษ ลูกเป็ดเทศที่เลี้ยงด้วยข้าวโพดจะแคระแกรน จิกขน กินขน หนาว ตัวสั่น และตายนอนหงายขาชี้ฟ้า คอบิด อัตราการตายสูง เป็ดเทศแม่พันธุ์ไข่ลดและหยุดไข่ ถ้าต้องการขุนเป็ดเทศร่งส่งตลาดในระยะสั้น เกษตรกรควรให้อาหารเต็มที่ ให้กินตลอดเวลา อาหารไม่จำเป็นต้องคลุกน้ำ ถ้าต้องการลดค่าอาหารควรเสริมด้วยผักสด หญ้าสด ใบถั่วสดหรือผักตบชวาหั่น คลุกกับอาหารผสม เลี้ยงเช้า-เย็น
การเลี้ยงเป็ดเทศกบินทร์บุรีไว้ทำพันธุ์ เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรีที่สถาบันวิจัยและพัฒนาสัตว์ปีกแห่งชาติ กรมปศุสัตว์ วิจัยและปรับปรุงพันธุ์มานั้น มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญประการหนึ่งนอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจ คือ พันธุ์นั้นจะต้องสามารถให้เกษตรกรขยายพันธุ์เองได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องซื้อจากกรมปศุสัตว์ทุกครั้งที่ต้องการ เพียงแต่ 2-3 ปี จึงเปลี่ยนพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์ครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพราะสถาบันวิจัยและพัฒนาสัตว์ปีกแห่งชาติทำการวิจัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องดีกว่าพันธุ์เดิมทุกๆ ปี ดังนั้นวิธีการเลี้ยงก็จะแตกต่างจากการเลี้ยงขุนตลาด โดยหลักการแล้วการเลี้ยงขุนเพื่อผลิตเนื้อจะต้องให้เป็ดเทศกินอาหารอย่างเต็มที่จนถึงน้ำหนักและอายุที่ตลาดต้องการ คือ น้ำหนักเฉลี่ย 3-3.5 กก./ตัว เมื่ออายุ 11-12 สัปดาห์ ส่วนการเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ การเลี้ยงจะไม่เร่งรัดให้เจริญเติบโตเร็วและไม่ให้อ้วนเกินไป เพราะจะไข่น้อย หรือไม่ไข่เลย ดังนั้นจึงต้องควบคุมอาหารทุกสัปดาห์จนถึงอายุที่เป็ดไข่ฟองแรก และสุ่มชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบกับน้ำหนักมาตรฐาน ขั้นตอนการเลี้ยงเป็ดเทศกบินทร์บุรีสำหรับเป็นพ่อแม่พันธุ์ ดังนี้ 1. การเลี้ยงลูกเป็ด อายุ 0-3 สัปดาห์ ปฏิบัติเช่นเดียวกับการเลี้ยงลูกเป็ดเทศ 0-3 สัปดาห์ โดยมีอาหารให้กินเต็มที่ มีอาหารและน้ำใส่รางตลอด 2. การเลี้ยงเป็ดเทศอายุ 4-12 สัปดาห์ การจัดการและการเลี้ยงดูลูกเป็ดตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ขึ้นไป ค่อนข้างจะง่าย ลูกเป็ดสามารถปล่อยเลี้ยงในแปลงหญ้าหรือบริเวณบ้านได้ โดยไม่ต้องขังในคอก เป็ดหากินเองตามธรรมชาติ เช่น ปล่อยไล่ทุ่งเก็บกินเมล็ดข้าวตกหล่นหลังฤดูเก็บเกี่ยว แต่เสริมด้วยอาหารผสมสำหรับลูกเป็ดเทศอายุ 4-12 สัปดาห์ (ตารางที่ 3) ในเวลาเช้าและเย็นในปริมาณที่จำกัดดังแสดงไว้ใน ตารางที่ 6 ปรับจำนวนอาหารที่ให้สัปดาห์ละครั้ง จำนวนอาหารที่ปรับแต่ละครั้งอาจจะมากหรือน้อยกว่ามาตรฐานก็ได้ โดยดูจากน้ำหนักเป็ดเป็นเกณฑ์ คือ เกษตรกรควรจะสุ่งชั่งน้ำหนักเป็ดทุกๆ สัปดาห์ ถ้าสัปดาห์ใด้น้ำหนักเป็ดเบากว่ามาตรฐานก็จะลดจำนวนอาหารลงจากที่ให้ไว้ในตารางปฏิบัติเช่นนี้ไปจนกว่าเป็ดเป็นหนุ่ม-สาว และถึงวันที่เป็ดเริ่มไข่ฟองแรกจึงเปลี่ยนอาหารสำหรับเป็ดไข่ต่อไป ในช่วงอายุ 4-26 สัปดาห์ เป็ดสามารถปล่อยเลี้ยงในแปลงหญ้า ในไร่-นาและสวนผลไม้ได้ เป็ดสามารถปล่อยเป็นฝูง ตากแดดตากฝนได้ เพียงแต่มีร่มเงาบังแดดจัดในเวลากลางวันได้ก็พอเพียงไม่จำเป็นต้องนอนในคอกเล้าเสมอไป ที่สำคัญจะต้องมีน้ำใส่ภาชนะไว้ให้เป็ดกินตลอดเวลาและไม่จำเป็นจะต้องมีน้ำให้เป็ดเล่น ถ้าหาผัก พืชอาหารสัตว์ จอกแหน ผักตบชวา หรือหญ้าสดหั่นให้เป็ดกินจะทำให้ลดอาหารผสมลงได้เป็นการประหยัด ตาราง 5 สูตรอาหารสำหรับเป็ดเทศรุ่น (13-26 สัปดาห์) เป็ดเทศผสมพันธุ์ (27-72 สัปดาห์)
ชนิดอาหาร
|
เป็ดรุ่น
|
เป็ดผสมพันธุ์
|
1
|
2
|
1
|
2
|
3
|
ปลายข้าว ข้าวเปลือก รำละเอียด กากถั่วเหลือง ปลาป่น ใบกระถิน เปลือกหอยป่น ไดแคลเซียม เกลือ ไวตามิน-แร่ธาตุ
|
41.50 41.25 - 13.00 - - 2.00 1.50 0.50 0.25
|
30 40.00 10.00 11.50 - 5.00 1.25 2.00 0.50 0.25
|
56.70 - 5.00 19.70 6.00 5.00 6.00 0.70 0.50 0.25
|
56.30 - - 30.00 - 5.00 6 2.00 0.50 0.25
|
59.39 - 5.00 16.45 10.00 - 5.00 3.00 0.50 0.25
|
ตาราง 6 แสดงมาตรฐานน้ำหนักเฉลี่ยและจำนวนอาหารที่ผสมที่จำกัดให้เป็ดเทศเพศเมียจนอายุเริ่มไข่ 24-26 สัปดาห์
อายุ (สัปดาห์ที่)
|
น้ำหนัก (กรัม/ตัว)
|
อาหาร (กรัม/ตัว/วัน)
|
|
น้ำหนัก (กรัม/ตัว)
|
อาหาร (กรัม/ตัว/วัน)
|
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13
|
132 307 529 783 933 1,200 1,400 2,050 2,080 2,100 2,130 2,160 2,190
|
ให้กินเต็มที่ ให้กินเต็มที่ ไม่กินเต็มที่ ให้กินเต็มที่ 86 85 84 83 80 79 80 81 82
|
14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26
|
2,210 2,240 2,270 2,300 2,330 2,360 2,390 2,410 2,440 2,470 2,440 2,530 2,560
|
83 84 85 86 87 88 89 90 91 92 93 94 95
|
3. การเลี้ยงเป็ดเทศพ่อแม่พันธุ์ เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรี เริ่มไข่ฟองแรกเมื่ออายุ 24-48 สัปดาห์ พอเป็ดสาวเริ่มไข่และเป็ดหนุ่มเริ่มเจริญเติบโตเต็มที่ และแสดงอาการเป็นสัด ขนสวย หนังขรุขระบนใบหน้าสีชมพูแดง ปกติเพศผู้จะโตกว่าเพศเมีย 2 เท่า ให้คัดเป็ดสาวไว้ทำพันธุ์ โดยคัดตัวที่มีรูปร่างลักษณะดี ลำตัวยาวและกว้าง ท้องใหญ่ กระดูกเชิงกรานกว้าง ขนสีขาวปลอด หัวมีจุดสีดำเล็กน้อย น้ำหนัก 2.5-3.0 ก.ก. ส่วนเพศผู้ให้คัดตัวที่โตดีกว่าตัวอื่นๆ ในฝูง ปกติเราจะคัดพ่อพันธุ์ที่มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 4.0 ก.ก.ขึ้นไป และมีลักษณะดี แข็งแรง หน้าตาแจ่มใส สีชมพูแดง คลอเคลียตัวเมียเก่ง แสดงอาการอยากผสมพันธุ์ และยาว ขนสีขาวปลอด เว้นแต่จุดดำกลางหัว ปากใหญ่สีชมพู เมื่อคัดเป็ดแล้วให้เปลี่ยนอาหารเป็นอาหารเป็ดไข่สำหรับพ่อแม่พันธุ์ อาหารผสมนี้มีแคลเซี่ยมสูงกว่าเป็ดสาว เพราะมีแคลเซี่ยม 3% ซึ่งได้มาจากเปลือกหอยหรือปูนขาว การเลี้ยงเป็ดพ่อแม่พันธุ์จะต้องเอาใจใส่พิเศษ คือ
(1) การให้แสงสว่างวันละ 14-16 ชั่วโมง จะช่วยให้เป็ดไข่ดีขึ้น จึงต้องเปิดไฟสว่างขนาด 20 วัตต์ ต่อพื้นที่ 10 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นวันละ 2-4 ชั่วโมง คือ หัวค่ำเปิดไฟถึง 3 ทุ่ม และอีกครั้งหนึ่งเวลาเช้ามืด 5-6 โมงเช้า |
(2) การให้อาหารที่มีคุณภาพและให้ในปริมาณที่สอดคล้องกับอัตราการไข่ของเป็ด ดูรายละเอียดในตารางที่ 7 |
(3) การฉีดวัคซีนป้องกันโรคดั๊กเพลก และอหิวาต์ ตามตารางการทำวัคซีนอย่างเคร่งครัด หลังจากทำวัคซีนดั๊กเพลก ไม่ควรเก็บไข่ไปฟักเป็นเวลา 7-10 วัน เพราะลูกเป็ดที่ฟักออกจะเลี้ยงยากและตายมาก สาเหตุจากการทำวัคซีน |
(4) อัตราส่วนของการผสมพันธุ์ ควรจะเป็นพ่อพันธุ์ 1 ตัว ผสมแม่พันธุ์ 5-7 ตัว |
(5) อาหารเป็ดจะต้องไม่มีข้าวโพดเป็นส่วนผสม เพราะทำให้การไข่, ผสมติดและฟักออกต่ำ และไม่ไข่เลย |
ตาราง 7 อัตราการไข่และปริมาณอาหารผสมที่กินต่อตัวต่อวันของเป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรีแยกเป็นรายสัปดาห์ตลอดปีแรกของการผลิตไข่ฟัก
อายุการไข่ (เดือน)
|
อัตราการไข่ (%)
|
กินอาหาร (กรัม/ตัว/วัน)
|
อายุการไข่ (สัปดาห์)
|
อัตราการไข่ (%)
|
กินอาหาร (กรัม/ตัว/วัน)
|
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26
|
9 16 33 47 55 61 43 35 44 56 61 58 59 60 59 53 46 40 34 29 28 31 32 36 32 31
|
150 150 150 150 150 150 150 150 170 170 170 170 170 170 170 170 170 160 160 160 160 160 160 150 150 150
|
27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52
|
28 33 34 38 32 23 16 14 16 16 18 20 26 26 27 29 34 30 35 41 42 35 27 28 28 35
|
150 150 150 150 150 150 150 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140 140
|
ตาราง 8 แสดงความต้องการโภชนะอาหารของเป็ดเทศแยกตามอายุและการให้ผลผลิต
โภชนะอาหาร
|
อายุเป็ดสัปดาห์
|
เป็ดพันธุ์
|
0-3
|
4-10
|
11-26
|
27-72
|
พลังงานใช้ประโยชน์ (keal/kg) โปรตีน% แคลเซี่ยม% ฟอสฟอรัสใช้ได้% อาร์จินีน % ฮีสติดีน% ไอโซลูซีน% ลูซีน% ไลซีน% เมทไธโอนีน+ซีสตีน% เฟนนิล+ไทโรซีน% ทรีโอนีน% ทริปโตเฟน% เวลีน% |
2,890 18.7 0.90 0.36 1.12 0.43 0.66 1.31 1.10 0.69 1.44 0.69 0.24 0.80
|
2,890 15.4 0.72 0.36 0.92 0.35 0.54 1.08 0.90 0.57 1.19 0.57 0.20 0.68
|
2,600 13.2 0.90 0.36 0.79 0.32 0.57 1.09 0.61 0.52 1.04 0.49 0.16 0.61
|
2,730 18.7 3.0 0.43 1.14 0.45 0.80 1.08 1.00 0.74 1.47 0.70 0.22 0.86
|
|