| พันธุ์ประวัติ
 เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรี เป็นเป็ดเทศพันธุ์เนื้อพันธุ์แท้ที่กรมปศุสัตว์ได้วิจัยพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 ที่สถานีบำรุงพันธุ์สัตว์บางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และสถาบันวิจัยและพัฒนาสัตว์ปีกแห่งชาติ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี จนถึงปัจจุบัน
 
 การปรับปรุงเริ่มจากเป็ดพันธุ์บาร์บารีจากประเทศฝรั่งเศส กรมปศุสัตว์ได้รับการสนับสนุนพันธุ์มาจาก บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นลูกเป็ดแรกเกิด จำนวน 80 ตัว แยกเป็นเพศผู้ 30 ตัว เพศเมีย 50 ตัว กรมปศุสัตว์โดยสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์บางปะกงได้ทำการขยายพันธุ์ คัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ให้สามารถเลี้ยงง่ายขยายพันธุ์ได้ดี เติบโตเร็ว ต้านทานต่อโรค และปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของประเทศ และสามารถผลิตได้จำนวนมากในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเป้าหมายของการปรับปรุงพันธุ์
 
 ในระยะเริ่มต้น ในปี พ.ศ.2536-2540 กรมปศุสัตว์ได้เริ่มทดสอบนำพันธุ์เป็ดเทศพันธุ์นี้ ส่งเสริมโดยจำหน่ายให้เกษตรกรทั่วไป พบว่า เกษตรกรนิยมมาก เนื่องจากโตเร็ว เลี้ยงส่งตลาดได้ในระยะเวลาสั้น 10-12 สัปดาห์ ถอนขนง่าย ขนสีขาว ตลาดต้องการมาก เนื้อมาก และราคาลูกเป็ดไม่แพงเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ความต้องการมีสูงมาก ซึ่งคาดว่าในอนาตคเป็ดเทศพันธุ์นี้จะเป็นเป็ดที่ผลิตเพื่อบริโภคเนื้อภายในประเทศ ทดแทนเป็ดพันธุ์เนื้ออื่นๆ ทั้งนี้เพราะมีกล้ามเนื้อมาก ไขมันน้อย หนังบาง และกล้ามเนื้อมีสีแดง โคเรสเตอรอลต่ำ เหมาะที่จะบริโภคเพื่อสุขภาพ ที่สำคัญคือ สามารถเลี้ยงได้ทั่วไปไม่ว่าจะเลี้ยงจำนวนมากในเชิงพาณิชย์หรือเลี้ยงหลังบ้านในชนบท
 ลักษณะประจำพันธุ์
 
 
การเลี้ยงลูกเป็ดเทศกบินทร์บุรีอายุ 0-3 สัปดาห์
|  ขนสีขาวตลอดลำตัว มีขนสีดำเป็นจุดเด่นอยู่กลางหัว อาจะมีจุดดำเล็กๆ แซมกลางหัว |  
|  ปากสีชมพู |  
|  เท้าสีเหลืองอ่อน |  
|  ใบหน้ามีผิวหนังขรุขระ เป็นสันนูนเด่น ไม่มีขนและสีชมพู เริ่มจากปากไปบนใบหน้าและขอบตา โดยเฉพาะตัวผู้ จะเห็นชัดเจนกว่าตัวเมีย ดูคล้ายๆ เป็ดใส่หน้ากาก เป็นลักษณะเฉพาะพันธุ์เป็ดเทศเท่านั้น |  
|  ลำตัวยาว หน้าอกกว้าง อกตัน เนื้อมาก |  
|  เท้ามี 4 นิ้ว โดยที่ 3 นิ้วแรกอยู่ด้านหน้ายึดติดกันด้วยผังผืดไว้ให้เป็ดว่ายน้ำได้ อีกนิ้วอยู่ด้านหลังสำหรับรักษาการทรงตัวเวลายืนเดินและผสมพันธุ์ |  
|  น้ำหนักแรกเกิด 42-54 กรัม เพศผู้โตเต็มที่หนัก 5-6 กก. เพศเมีย 2.6-2.8 กก. |  
|  เพศผู้ขนาดใหญ่กว่าเพศเมีย 2 เท่า |  
|  แรกเกิดขนสีขาวอมเหลือง มีจุดดำกลางหัว ปากสีชมพู แข้งเหลือง |  
|  เริ่มไข่อายุ 6-7 เดือน ไข่ได้ปีละ 150-180 ฟอง และฟักไข่ได้เอง
 เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรี ได้รับการวิจัยและพัฒนาให้เป็นพันธุ์แท้ที่สามารถเลี้ยงเพื่อผลิตเนื้อป้อนตลาดได้ในระยะเวลา 10-12 สัปดาห์ หรือจะเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ได้โดยตรง หรือนำพันธุ์นี้ไปผสมพันธุ์ข้ามกับสายพันธุ์อื่นก็จะได้ลูกผสมที่มีการเจริญเติบโตทัดเทียมกับพันธุ์แท้ เช่น นำไปผสมกับเป็ดเทศพันธุ์ท่าพระ 2 ซึ่งเป็นเป็ดเทศสีดำพันธุ์พื้นเมือง ก็จะให้ลูกผสมเติบโตเร็วไข่ดกเลี้ยงง่าย แข็งแรงทนทานต่อสภาพการเลี้ยงดูในชนบท เหมาะสำหรับเกษตรกรรายย่อย เลี้ยงไว้เพื่อบริโภคและเสริมรายได้ ลูกผสมทั้งเพศผู้และเพศเมียมีลักษณะพิเศษคือ หัวและคอจะมีสีขาวคล้ายๆ หัวสวมถงเท้าขาว หลังมีขนสีดำเป็นส่วนใหญ่แต่แซมด้วยขนขาวประปราย หน้าอกด่าง รูปร่างใหญ่เหมือนพ่อ เป็นหนุ่มสาวเร็ว เริ่มไข่เมื่ออายุ 5-6 เดือน มีนิสัยฟักไข่ได้เอง ไข่เต็มที่ปีละ 150-160 ฟอง อายุการให้ไข่ 2 ปีแรกให้ไข่สูงสุดและลดลงในปีต่อไป
 การเจริญเติบโตเป็ดเทศลูกผสมกบินทร์บุรี-ท่าพระ
 
| อายุ (สัปดาห์) | น้ำหนัก (กรัม/ตัว) | อาหาร : น้ำหนัก |  
| 24
 6
 8
 10
 12
 | 235691
 1,458
 2,128
 2,600
 2,818
 | 1.48 : 11.79 : 1
 2.05 : 1
 2.35 : 1
 2.74 : 1
 3.29 : 1
 |  เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรีพันธุ์แท้สามารถเลี้ยงได้ทั้งที่เป็นเป็ดเนื้อขุนส่งตลาดได้ในระยะเวลา 10-12 สัปดาห์ หรือเราจะเลี้ยงไว้ขยายพันธุ์ คือ ใช้ได้ทั้ง 2 วัตถุประสงค์ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเกษตรกร ในกรณีที่เลี้ยงเพื่อผลิตเนื้อส่งตลาดนั้น วิธีการเลี้ยงแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ การเลี้ยงเป็ดเล็ก อายุ 0-3 สัปดาห์, การเลี้ยงเป็ดระยะเจริญเติบโต อายุ 4-10 สัปดาห์ และ ระยะสุดท้าย 11-12 สัปดาห์ |  
 การเลี้ยงเป็ดเทศจะสำเร็จหรือไม่นั้น มีความเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกเป็ดระยะ 3 สัปดาห์แรกเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าลูกเป็ดนั้นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการทำฟาร์มที่อยู่ในความสนใจของเรา ถ้าลูกเป็ดแข็งแรง เติบโตสม่ำเสมอสมบูรณ์ ไม่อมโรคแล้ว การเลี้ยงในอีก 2 ระยะต่อไปจะไม่ประสบปัญหา ดังนั้น ทุกๆ ฟาร์มจึงควรเอาใจใส่ในระยะแรกนี้เป็นพิเศษ โดยปกติแล้วถ้าลูกเป็ดอายุ 0-3 สัปดาห์ มีความต้องการอย่างยิ่งอยู่ 5 อย่างด้วยกัน คือ ความอบอุ่น อาหารที่มีคุณภาพ น้ำสะอาด การป้องกันโรค และการเตรียมพร้อมก่อนนำลูกเป็ดเข้ามาเลี้ยง
 
 1. การเตรียมพร้อมก่อนนำลูกเป็ดเทศกบินทร์บุรีเข้ามาเลี้ยง มีหลายอย่างที่จะต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนนำลูกเป็ดเข้าฟาร์ม คือ
 
 1.1 ทำความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับลูกเป็ดระยะแรกโดยการล้างน้ำให้สะอาดแล้วตากแดด 1-2 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรค การตระเตรียมกรงกก หรือห้องสำหรับกกลูกเป็ด จะต้องเตรียมล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ถ้ากกลูกเป็ดบนพื้นคอกจะต้องเปลี่ยนวัสดุรองพื้นใหม่ทุกๆ ครั้งที่นำลูกเป็ดเข้าคอกกก
 
 1.2 การสั่งจองลูกเป็ด ก่อนที่จะเลี้ยงเป็ดเทศ ควรจะได้มีการวางแผนว่า ควรจะเลี้ยงช่วงเวลาใดจึงเหมาะสม และเมื่อตัดสินใจแล้วก็ควรจะสั่งจองลูกเป็ดไว้ล่วงหน้า และควรสั่งจองจากโรงฟักที่มีชื่อเสียงเชื่อถือได้ และไม่ไกลเกินไป การขนส่งลูกเป็ดเกินกว่า 24 ชั่วโมงจึงไม่ควรปฏิบัติ เพราะว่าลูกเป็ดจะสูญเสียน้ำระเหยออกจากตัวมาก ทำให้เป็ดน้ำหนักลด ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความแข็งแรงของลูกเป็ดในระยะเวลาต่อมา
 
 1.3 การให้น้ำที่สะอาดแก่ลูกเป็ด ในระยะแรกที่ลูกเป็ดมาถึงฟาร์ม น้ำที่เตรียมไว้ควรจะเป็นน้ำที่สะอาด เช่น น้ำใต้ดิน น้ำบาดาล หรือน้ำบ่อตื้น หรือน้ำฝน เป็นน้ำที่สะอาด โดยใส่ไว้ในถังหรือขวดใส่น้ำเป็ดและไก่ ควรจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกเป็ดกินน้ำประปา เพราะว่าลูกเป็ดจะตายหรืออ่อนแอมากเมื่อกินน้ำที่มีสารคลอรีนสำหรับฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ถ้าหากว่าจำเป็นต้องใช้น้ำประปาเลี้ยงลูกเป็ดระยะแรกแล้ว อาจทำได้โดยต้องเปิดน้ำเก็บไว้ในถังข้ามคืน
 
 1.4 โรงเรือนและอุปกรณ์ จะต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าที่สำคัญๆ ได้แก่ โรงเรือนที่ใช้กกลูกเป็ด ควรจะเป็นโรงเรือนที่สามารถป้องกันลมและฝนได้พร้อมทั้งป้องกันสัตว์ต่างๆ ที่เป็นศัตรู และเป็นตัวนำเชื้อโรคมาสู่ลูกเป็ด เช่น สุนัข แมว หนู นกต่างๆ ถ้าไม่มีโรงเรือสำหรับกกลูกเป็ดโดยเฉพาะ ก็สามารถดัดแปลงบริเวณใต้ถุนบ้าน หรือโรงเก็บวัสดุเกษตร หรือใต้ยุ้งฉางข้าวเป็นที่กกลูกเป็ดก็ได้ แต่ต้องยึกหลักที่ว่า โรงกกลูกเป็ดเทศที่ดี ควรมีช่องระบายอากาศถ่ายเทสะดวก ส่วนใหญ่แล้วโรงกกลูกเป็ดเทศมักจะเป็นโรงเรือนที่มีฝาประตู หน้าต่าง ค่อนข้างจะมิดชิด เพื่อเก็บความอบอุ่นและป้องกันลมแรง ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีช่องระบายอากาศ เพื่อไล่อากาศเสียออกไป เพราะว่าเกี่ยวขอ้งกับความชื้นในคอกลูกเป็ด ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสุขภาพและการแพร่เชื้อโรค สูตรสำเร็จของการเลี้ยงเป็ดเทศพันธุ์นี้ คือ การทำให้พื้นคอกแห้งอยู่เสมอ
 
 2. การกกลูกเป็ดเทศ นับว่าเป็นหัวใจของการเลี้ยงเป็ดเทศเลยทีเดียว เพราะถ้ากกไม่เหมาะสมแล้วจะมีผลกระทบตามมา จึงควรเอาใจใส่เป็นพิเศษ การกกลูกเป็ดเป็นการทำให้ลูกเป็ดอบอุ่น เริ่มจากเตรียมพื้นคอกให้สะอาด โดยการปูพื้นด้วยวัสดุแห้งหลายชนิด เช่น แกลบ, ฟางข้าว, หญ้า, ซังข้าวโพดบด หรือทรายก็ได้ โดยปูพื้นให้หนาประมาณ 1-2 นิ้ว เพื่อดูดซับมูลลูกเป็ดซึ่งเป็นของเหลวเป็นส่วนใหญ่ ถ้าหากพื้นกกเปียกแฉะ ลูกเป็ดจะไม่เจริญเติบโต เลี้ยงยาก ติดเชื้อ และอัตราการตายสูง ดังนั้นจึงต้องหมั่นตรวจดูพื้นคอกกกทุกวัน ถ้าหากเปียกชื้นควรกลับแกลบ หรือวัสดุรองพื้นทุกวัน เพื่อให้ความชื้นระเหยออกไป
 การกกควรจะแบ่งลูกเป็ดออกเป็นคอกๆ ละประมาณ 150-200 ตัว โดยใช้แผงไม้ขัดไม้แตะหรือแผงกระดาษหนาทึบ หรือสังกะสี หรือพลาสติกสูงประมาณ 30-45 ซม. กั้นระหว่างคอก เพื่อป้องกันลูกเป็ดนอนสุมกันในเวลากลางคืน ขนาดของคอกขึ้นอยู่กับอายุของลูกเป็ด 0-1 สัปดาห์ พื้นที่ 1 ตารางเมตร แหล่งของความร้อนที่ใช้กกลูกเป็ดอาจจะใช้เครื่องกกลูกไก่ไฟฟ้าที่มีจำหน่ายทั่วไป หรือประกอบเองก็ได้ โดยทำเป็นโครงไม้ขนาด 1X2 เมตร ยกพื้นสูง 30-45 ซม. แขวนหลอดไฟขนาด 60 วัตต์ 2 หลอด ห่างกัน 50-60 ซม. ปูสังกะสี เสื่อลำแพนไม้อัด หรือวัสดุอื่นๆ เช่น กระสอบป่านปูทับโครงไม้ด้านบนเพื่อเก็บความร้อนไว้ให้ลูกเป็ดได้อบอุ่น, วางกกไว้ตรงกลางห้องจะสามารถกกลูกเป็ดได้ 200 ตัว ในระยะแรกลูกเป็ด อายุ 2-3 วัน ควรทำแผงกั้นรอบบริเวณเครื่องกกป้องกันไว้ไม่ให้ลูกเป็ดหลงทางหนีห่างจากเครื่องกก  วันต่อๆ ไปจึงขยับแผงกั้นห่างออกไปจนที่สุดไม่ต้องกั้น
 นอกจากนี้ยังกกลูกเป็ดในตะกร้าไม้ไผ่หรือกล่องกระดาษ หรือสุ่มไก่โดยมีหลักว่าใช้ผ้าหรือกระสอบคลุมเพิ่มความอบอุ่นให้ลูกเป็ด วิธีการกกลูกเป็ดอีกวิธีหนึ่งซึ่งสามารถลดปัญหาความเปียกชื้นของพื้นคอกจากกาที่ลูกเป็ดเล่นน้ำ และเกิดจากลูกเป็ดขี้เหลว คือ การกกบนตาข่ายยกสูงจากพื้น 10-15 ซม. ซึ่งวางเรียงกันบนพื้นซีเมนต์ที่ลาดเอียง ลูกเป็ดจะปล่อยเลี้ยงบนพื้นลวดตาข่ายและมีรางน้ำ อาหาร และไฟกกอยู่พร้อม ลูกเป็ดถ่ายมูลออกมาและน้ำที่หกก็จะตกกลงลนพื้นซีเมนต์ แล้วเราก็ใช้น้ำฉีดบ้างพื้นคอกได้ทุกวัน เพราะพื้นได้ทำให้ลาดเอียงไว้อยู่แล้ว เป็นวิธีที่นิยมมาก เรากกลูกเป็ดเพียง 1-2 สัปดาห์เท่านั้นก็พอ โดยเฉพาะฤดูร้อนอาจจะกกเพียง 9-10 วันก็พอ แต่ฤดูหนาวอาจจะกก 10-21 วัน ในทางปฏิบัติกันทั่วไปคือ การกกลูกเป็ดในโรงกก 9-10 วัน แล้วปล่อยออกไปเลี้ยงในบ่อน้ำที่จัดไว้ให้เป็ดเล่น หรือถ้าหากไม่มีบ่อน้ำก็สามารถเลี้ยงลูกเป็ดปล่ยในแปลงหญ้าที่มีต้นไม้ให้ร่มเงาหรือ จะเลี้ยงภายในคอกกักบริเวณโดยไม่จำเป็นจะต้องมีน้ำให้ลูกเป็ดเล่นก็ได้ แต่ต้องมีน้ำสะอาดให้กินตลอด อุณหภูมิที่ใช้กกขึ้นอยู่กับอายุเป็ดและอุณหภูมิของอากาศ ถ้าอากาศร้อนระหว่างเวลา 10-15 นาฬิกา ของทุกวัน อากาศร้อนเราก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดไฟกก สังเกตได้จากลูกเป็ดจะไม่อยู่ให้กก จะการะจายอยู่รอบๆ หรือลูกเป็ดหายใจหอบอ้าปากหายใจ แสดงว่าร้อนจัด ลูกเป็ดจะสูญเสียน้ำหนักมากและอ่อนแอไม่กินอาหารและตายในที่สุด อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับกกลูกเป็ด แสดงไว้ในตารางที่ 1
 
 ตารางที่ 1  แสดงอุณหภูมิที่เหมาะสมในการกกลูกเป็ดอายุ 0-3 สัปดาห์
 
 
 
| อายุ | อากาศร้อน | อากาศเย็น |  
| องศาF | องศาC | องศาF | องศาC |  
| 1 วัน | 95 | 35 | 95 | 35 |  
| 2-7 วัน | 95-90 | 35-32 | 95-90 | 35-32 |  
| 1-2 สัปดาห์ | 90-80 | 32-26 | 90-80 | 32-26 |  
| 2-3 สัปดาห์ | หยุดกก | 80-75 | 26-23 |  2.1 วัสดุรองพื้นคอกกก ถ้ากกบนพื้นดินควรรองพื้นด้วยวัสดุที่ดูดซับความชื้นได้ดี เช่น แกลบ ขี้เลื่อย ดินทราย ซังข้าวโพด การจัดการด้านวัสดุรองพื้น นับว่าสำคัญมากเช่นเดียวกับการควบคุมความอบอุ่น วัสดุรองพื้นที่เปียกชื้นควรนำออกไปทิ้งหรือไม่ก็เติมวัสดุลงไปอีก โดยเฉพาะวัสดุที่อยู่ใกล้ถาดน้ำ มักจะเปียกแฉะจากการที่ลูกเป็ดชอบเล่นน้ำ ดังนั้นจึงต้องหาวิธีป้องกันหรือย้ายที่ตั้งขวดน้ำบ่อยๆ
 
 2.2 ความชื้นภายในคอกลูกเป็ดประมาณ 65-75% ถ้าหากความชื้นภายในคอกสูงเกินไป ควรจะต้องปรับปรุงช่องระบายอากาศให้กว้างขึ้นหรือทำให้ลมพัดเข้าออกให้มากขึ้น เพื่อลดความชื้นให้ลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม แนะนำไม่ควรใช้ผ่า หรือพลาสติกหุ้มรอบๆ คอกจะมืดทึบตลอดวัน ควรปิดเฉพาะกลางคืนที่มีอากาศหนาวเย็น
 
 2.3 การปล่อยให้ลูกเป็ดเล่นน้ำ ในระยะแรกๆ 1-3 สัปดาห์ ลูกเป็ดจะยังไม่จำเป็นที่เล่นน้ำ อาบน้ำ จึงกกไว้ในโรงกกก่อน เพราะว่าเมื่อเล็กๆ นี้ อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการใช้น้ำในร่างการของลูกเป็ดยังไม่พัฒนา เราจึงเลี้ยงโดยไม่ให้เล่นน้ำ แต่ว่ามีบางกรณีที่ลูกเป็ดเปื้อน สกปรก อาจจะให้ลูกเป็ดเล่นน้ำได้เพื่อล้างสิ่งสกปรกออก โดยปล่อยให้เล่นน้ำในเวลาที่มีแสงแดดจัด เช่น ใกล้เที่ยง หรือบ่าย 1-2 โมง และจำกัดให้เล่นน้ำเพียง 5-10 นาที และไล่ขึ้นตากแดดให้ขนแห้ง แล้วจึงต้อนไปในคอกต่อไป
 
 2.4 การให้แสงสว่าง ในระยะแรกเราจำเป็นต้องให้แสงสว่างตลอดเวลา โดยอาศัยไฟจากกรงกกในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันก็ใช้แสงธรรมชาติ การให้แสงสว่างอย่างต่อเนื่องตลอดวันระยะอายุ 2 วันแรก จะช่วยให้ลูกเป็ดได้กินน้ำและอาหารอย่างพอเพียง ทำให้ลูกเป็ดแข็งแรง แสงสว่างที่ใช้ในเวลากลางคืนเราใช้หลอดไฟนีออนขนาด 20 วัตต์ หรือหลอดสว่างขนาด 40 วัตต์ ต่อพื้นที่คอกกก 30 ตารางเมตร
 
 3. การให้น้ำและอาหารลูกเป็ด การให้อาหารลูกเป็ดระยะ 2 วันแรก ควรมช้อาหารผสมชนิดผงคลุกน้ำพอหมาดๆ ใส่ในภาชนะแบนๆ มีขอบเตี้ยๆ เช่น ถาดสังกะสีหรือไม่ก็โดยบนกล่องกระดาษที่ส่งลูกเป็ด แต่แกะกล่องกระดาษให้วางเรียบๆ บนพื้น อาหารควรเป็นอาหารลูกเป็ดระยะอายุ 0-3 สัปดาห์ เป็นอาหารที่มีโปรตีน 17-18% พลังงานใช้ประโยชน์ได้ 2,890 กิโลแคลอรี่ รายละเอียดของสูตรอาหารแสดงไว้ในตารางที่ 2 อาหารและน้ำควรจะวางไว้อยู่ใกล้เครื่องกก ห่างประมาณ 20-30 ซม. เพื่อให้ลูกเป็ดกินอาหารได้สะดวกและอยู่ใกล้ไฟหลังจาก 2 วันแรกให้วางอาหารค่อยๆ ห่างจากไฟกกออกไป 1-1.5 เมตร และขยับให้ห่างออกเรื่อยๆ สุดท้ายให้ห่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การให้น้ำอาจจะใส่ในขวดพลาสติก สำหรับให้น้ำเป็ดและไก่ที่มีจำหน่ายในตลาด หรือใส่ภาชนะอื่นที่หาได้ และให้วางอยู่ใกล้อาหาร ควรเป็นน้ำสะอาดไม่มีสารเคมี คลอรีน  ถังน้ำ ขวดน้ำ รางน้ำ ควรทำความสะอาดทุกวันๆ ละ 1-2 ครั้ง
 
 ตารางที่ 2 สูตรอาหารลูกเป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรีอายุ 0-3 สัปดาห์
 
 
 
| วัตถุดิบ | สูตรที่ |  
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |  
| ปลายข้าว หรือ ข้าวเปลือกบด หรือ
 ข้าวฟ่างบด
 รำละเอียด
 กากถั่วเหลือง
 ถั่วเหลืองเม็ดบด
 ถั่วเขียวหรือถั่วพุ่ม
 ปลาป่น
 ใบกระถินหรือใบใบมันสำปะหลัง
 เปลือกหอย
 ไดแคลเซียมฟอสเฟต
 เกลือป่น
 ไวตามิน-แร่ธาตุ
 
 | 49
 
 20
 28
 -
 -
 -
 -
 1.30
 1.30
 0.50
 0.50
 | 27
 
 35
 -
 30
 -
 -
 5
 1.1
 1.25
 0.50
 0.50
 | 53
 
 -
 23
 -
 20
 -
 -
 1.0
 1.7
 0.5
 0.25
 | 58
 
 5
 20
 -
 5
 5
 5
 0.5
 1.0
 0.5
 0.25
 | 70.89
 
 
 17.10
 
 
 10.00
 
 1.00
 -
 0.50
 0.25
 |  
| หมายเหตุ : 1. ปลายข้าว ข้าวเปลือกบด และข้าวฟ่างบดใช้ทดแทนกันได้ 2. ถั่วเหลืองเม็ด, ถั่วเขียว, ถั่วพุ่ม ก่อนนำมาใช้ควรทำให้สุกก่อนด้วยการแช่น้ำร้อนที่เดือดแล้วประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงนำไปตากแห้งและบดเก็บไว้ผสมในอาหารเป็ด หรือสัตว์ปีกอื่น
 |  การเลี้ยงลูกเป็ดเทศอายุ 3-8 สัปดาห์
 ลูกเป็ดอายุครบ 2 สัปดาห์ ความต้องการทางด้านกกเพื่อให้ความอบอุ่นจะลดลงหรือไม่ต้องกกเลยก็ได้ ทั้งนี้เพราะว่าลูกเป็ดมีขนขึ้นเต็มลำตัว และลูกเป็ดกินอาหารได้ดีจนสามารถสร้างความอบอุ่นขึ้นได้เองอย่างเพียงพอ ลูกเป็ดอายุ 3-8 สัปดาห์จะมีการเจริญเติบโตสูง ดังนั้นเกษตรกรเจ้าของฟาร์มจึงต้องควรเอาใจใส่ในด้านอาหาร การให้อาหารและส่วนประกอบของอาหารที่ถูกต้อง
 จำนวนอาหารที่ให้เป็ดกินและการจัดการเลี้ยงดูที่เหมาะสม
 
 1. การจัดการเลี้ยงดูที่เหมาะสม การเลี้ยงลูกเป็ดระยะเจริญเติบโตนี้ไม่ค่อยจะยุ่งยาก เราสามารถเลี้ยงแบบปล่อยให้อยู่รวมกันเป็นฝูง, เลี้ยงในโรงเรือนมีหลังคาและกั้นห้องให้อยู่กันเป็นห้องๆ หรือ อาจเลี้ยงปล่อยทุ่งไล่ต้อนกลับคอกในตอนเย็น หรือเลี้ยงในโรงเลี้ยงเป็ดที่มีลานดินยื่นออกมานอกโรงเรือนให้ลูกเป็ดเล่นน้ำและพักผ่อนในเวลากลางวัน ส่วนกลางคืนให้ขังในโรงเรือน ข้อสำคัญของการเลี้ยงเป็ดระยะนี้ คืออย่าขังเป็ดรวมกันให้แน่นเกินไปถ้าหากเป็ดแน่นแล้วลูกเป็ดจะจิกกัน โดยเฉพาะถ้าหากเราให้อาหารไม่เพียงพอหรืออาหารมีส่วนประกอบไม่ได้สัดส่วน ลูกเป็ดจะยิ่งจิกขนและกินขนกันมากยิ่งขึ้น ข้อแนะนำคือ ให้ลูกเป็ดอยู่ระหว่าง 4-5 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ในกรณีบางฟาร์มมีพื้นที่มีบ่อน้ำหรืออยู่ใกล้แหล่งธรรมชาติ ก็สามารถปล่อยเลี้ยงได้โดยไม่จำเป็นต้องมีโรงเรือนแต่มีร่มเงาต้นไม้เหรือเพิงบังแดด ข้อดีวิธีนี้คือ เป็ดมีอิสระไม่จิกขนกันทำให้ขนสวยเป็นมัน ข้อสำคัญขอให้มีน้ำสะอาดให้กินตลอดเวลา
 
 2. การให้อาหาร ลูกเป็ดระยะนี้มีการเจริญเติบโตสูง ดังนั้นอาหารที่ใช้เลี้ยงจึงควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพสูงเหมาะสมกับอัตราการเจริญเติบโตและอายุของลูกเป็ดด้วย นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงปริมาณที่ให้กินต่อวัน และตรวจสอบน้ำหนักของลูกเป็ดให้อยุ่ในมาตรฐานด้วย
 โดยปกติแล้วเราให้อาหารลูกเป็ดวันละ 2 ครั้ง คือ เช้า 7-8 โมงเช้า และบ่าย 4-5 โมงเย็น อาหารที่ให้เป็นอาหารชนิดผงคลุกน้ำให้ชื้นพอหมาดๆไม่ถึงกับเปียกแฉะ ซึ่งจะทำให้ลูกเป็ดกินได้ง่ายและไม่ตกหล่นมาก อาหารที่คลุกน้ำแล้วจะถูกเทใส่ในรางไม้หรือถังใส่อาหารสัตว์ชนิดแขวนบรรจุ 4-5 กิโลกรัม ก็แล้วแต่สะดวก อาจเทบนกระสอบหรือภาชนะแบนๆ วางอยู่กลางคอกและวางอยู่ไกลน้ำดื่ม 3-4 เมตร ควรจัดหารางอาหารให้พอเหมาะกับจำนวนเป็ด รางอาหารที่เป็นรางไม้ที่เป็ดกินได้ทั้งสองข้างขนาดยาว 1 เมตร เลี้ยงเป็ดได้ 40-50 ตัว จำนวนอาหารที่ให้ในแต่ละครั้งควรใกล้เคียงกับมาตรฐาน พร้อมกันนี้สุ่มลูกเป็ด 10% มาชั่งน้ำหนักทุกๆ สัปดาห์
 
| วัตถุดิบ | สูตรอาหารเป็ดเทศ อายุ 4-12 สัปดาห์ (ก.ก.) |  
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |  
| ปลายข้าว มันสำปะหลัง
 รำละเอียด
 กากถั่วเหลือง
 ถั่วเหลืองเม็ด
 ถั่วเขียว, ถั่วพุ่ม
 ปลาป่น
 ใบกระถิน
 ใบมันสำปะหลัง
 เปลือกหอย
 ไดแคลเซี่ยมฟอสเฟต
 เกลือป่น
 ไวตามิน-แร่ธาตุ
 รวม
 | 75-
 -
 21
 -
 -
 -
 -
 -
 1
 2
 0.5
 0.5
 100
 | 71-
 -
 17.0
 -
 -
 10
 -
 -
 1
 -
 0.5
 0.5
 100
 | 61-
 -
 -
 20.5
 -
 -
 5
 10
 0.5
 2
 0.5
 0.5
 100
 | 66-
 -
 -
 -
 16
 -
 5
 9
 1
 2
 0.5
 0.5
 100
 | 69-
 -
 13.5
 -
 -
 5
 5
 5
 0.5
 1
 0.5
 0.5
 100
 | 3034.5
 -
 12.0
 -
 10
 -
 5
 5
 0.5
 2
 0.5
 0.5
 100
 | 66-
 -
 -
 -
 16
 -
 5
 9.5
 0.5
 2
 0.5
 0.5
 100
 |  
| หมายเหตุ : 1. ปลายข้าว ข้าวเปลือกบด ข้าวฟ่างบดใช้แทนกันได้อัตราส่วน 1: 12. ถั่วเหลืองเม็ด ถั่วเขียว และถั่วพุ่มก่อนนำมาใช้ควรทำให้สุกก่อน โดยการแช่น้ำร้อนที่กำลังเดือด แช่ประมาณ 10-15 นาที แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง ก่อนที่จะบด
 3. ไวตามิน-แร่ธาตุ ที่จะเติมลงไปในอาหารให้ปฏิบัติตามคำแนะนำผู้ผลิต
 |  การเลี้ยงเป็ดเทศทุกๆ พันธุ์ หรือแม้แต่เป็ดพันธุ์ไข่ เกษตรกร ควรทราบว่าอาหารเป็ดทุกๆ อายุ ไม่ควรจะใช้ข้าวโพดผสม เพราะข้าวโพดมีสารพิษ อัลฟลาท็อกซิน ซึ่งเป็ดทุกชนิดจะแพ้และไม่ต้านทานต่อสารพิษ ลูกเป็ดเทศที่เลี้ยงด้วยข้าวโพดจะแคระแกรน จิกขน กินขน หนาว ตัวสั่น และตายนอนหงายขาชี้ฟ้า คอบิด อัตราการตายสูง เป็ดเทศแม่พันธุ์ไข่ลดและหยุดไข่
 
 ถ้าต้องการขุนเป็ดเทศร่งส่งตลาดในระยะสั้น เกษตรกรควรให้อาหารเต็มที่ ให้กินตลอดเวลา อาหารไม่จำเป็นต้องคลุกน้ำ ถ้าต้องการลดค่าอาหารควรเสริมด้วยผักสด หญ้าสด ใบถั่วสดหรือผักตบชวาหั่น คลุกกับอาหารผสม เลี้ยงเช้า-เย็น
 การเลี้ยงเป็ดเทศกบินทร์บุรีไว้ทำพันธุ์
 เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรีที่สถาบันวิจัยและพัฒนาสัตว์ปีกแห่งชาติ กรมปศุสัตว์ วิจัยและปรับปรุงพันธุ์มานั้น มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญประการหนึ่งนอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจ คือ พันธุ์นั้นจะต้องสามารถให้เกษตรกรขยายพันธุ์เองได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องซื้อจากกรมปศุสัตว์ทุกครั้งที่ต้องการ เพียงแต่ 2-3 ปี จึงเปลี่ยนพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์ครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพราะสถาบันวิจัยและพัฒนาสัตว์ปีกแห่งชาติทำการวิจัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องดีกว่าพันธุ์เดิมทุกๆ ปี ดังนั้นวิธีการเลี้ยงก็จะแตกต่างจากการเลี้ยงขุนตลาด โดยหลักการแล้วการเลี้ยงขุนเพื่อผลิตเนื้อจะต้องให้เป็ดเทศกินอาหารอย่างเต็มที่จนถึงน้ำหนักและอายุที่ตลาดต้องการ คือ น้ำหนักเฉลี่ย 3-3.5 กก./ตัว เมื่ออายุ 11-12 สัปดาห์ ส่วนการเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ การเลี้ยงจะไม่เร่งรัดให้เจริญเติบโตเร็วและไม่ให้อ้วนเกินไป เพราะจะไข่น้อย หรือไม่ไข่เลย ดังนั้นจึงต้องควบคุมอาหารทุกสัปดาห์จนถึงอายุที่เป็ดไข่ฟองแรก และสุ่มชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบกับน้ำหนักมาตรฐาน
 
 ขั้นตอนการเลี้ยงเป็ดเทศกบินทร์บุรีสำหรับเป็นพ่อแม่พันธุ์ ดังนี้
 
 1. การเลี้ยงลูกเป็ด อายุ 0-3 สัปดาห์ ปฏิบัติเช่นเดียวกับการเลี้ยงลูกเป็ดเทศ 0-3 สัปดาห์ โดยมีอาหารให้กินเต็มที่ มีอาหารและน้ำใส่รางตลอด
 
 2. การเลี้ยงเป็ดเทศอายุ 4-12 สัปดาห์ การจัดการและการเลี้ยงดูลูกเป็ดตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ขึ้นไป ค่อนข้างจะง่าย ลูกเป็ดสามารถปล่อยเลี้ยงในแปลงหญ้าหรือบริเวณบ้านได้ โดยไม่ต้องขังในคอก เป็ดหากินเองตามธรรมชาติ เช่น ปล่อยไล่ทุ่งเก็บกินเมล็ดข้าวตกหล่นหลังฤดูเก็บเกี่ยว แต่เสริมด้วยอาหารผสมสำหรับลูกเป็ดเทศอายุ 4-12 สัปดาห์ (ตารางที่ 3) ในเวลาเช้าและเย็นในปริมาณที่จำกัดดังแสดงไว้ใน ตารางที่ 6 ปรับจำนวนอาหารที่ให้สัปดาห์ละครั้ง จำนวนอาหารที่ปรับแต่ละครั้งอาจจะมากหรือน้อยกว่ามาตรฐานก็ได้ โดยดูจากน้ำหนักเป็ดเป็นเกณฑ์ คือ เกษตรกรควรจะสุ่งชั่งน้ำหนักเป็ดทุกๆ สัปดาห์ ถ้าสัปดาห์ใด้น้ำหนักเป็ดเบากว่ามาตรฐานก็จะลดจำนวนอาหารลงจากที่ให้ไว้ในตารางปฏิบัติเช่นนี้ไปจนกว่าเป็ดเป็นหนุ่ม-สาว และถึงวันที่เป็ดเริ่มไข่ฟองแรกจึงเปลี่ยนอาหารสำหรับเป็ดไข่ต่อไป
 ในช่วงอายุ 4-26 สัปดาห์ เป็ดสามารถปล่อยเลี้ยงในแปลงหญ้า ในไร่-นาและสวนผลไม้ได้ เป็ดสามารถปล่อยเป็นฝูง ตากแดดตากฝนได้ เพียงแต่มีร่มเงาบังแดดจัดในเวลากลางวันได้ก็พอเพียงไม่จำเป็นต้องนอนในคอกเล้าเสมอไป ที่สำคัญจะต้องมีน้ำใส่ภาชนะไว้ให้เป็ดกินตลอดเวลาและไม่จำเป็นจะต้องมีน้ำให้เป็ดเล่น ถ้าหาผัก พืชอาหารสัตว์ จอกแหน ผักตบชวา หรือหญ้าสดหั่นให้เป็ดกินจะทำให้ลดอาหารผสมลงได้เป็นการประหยัด
 
 ตาราง 5 สูตรอาหารสำหรับเป็ดเทศรุ่น (13-26 สัปดาห์) เป็ดเทศผสมพันธุ์ (27-72 สัปดาห์)
 
| ชนิดอาหาร | เป็ดรุ่น | เป็ดผสมพันธุ์ |  
| 1 | 2 | 1 | 2 | 3 |  
| ปลายข้าวข้าวเปลือก
 รำละเอียด
 กากถั่วเหลือง
 ปลาป่น
 ใบกระถิน
 เปลือกหอยป่น
 ไดแคลเซียม
 เกลือ
 ไวตามิน-แร่ธาตุ
 | 41.5041.25
 -
 13.00
 -
 -
 2.00
 1.50
 0.50
 0.25
 | 3040.00
 10.00
 11.50
 -
 5.00
 1.25
 2.00
 0.50
 0.25
 | 56.70-
 5.00
 19.70
 6.00
 5.00
 6.00
 0.70
 0.50
 0.25
 | 56.30-
 -
 30.00
 -
 5.00
 6
 2.00
 0.50
 0.25
 | 59.39-
 5.00
 16.45
 10.00
 -
 5.00
 3.00
 0.50
 0.25
 |  ตาราง 6 แสดงมาตรฐานน้ำหนักเฉลี่ยและจำนวนอาหารที่ผสมที่จำกัดให้เป็ดเทศเพศเมียจนอายุเริ่มไข่ 24-26 สัปดาห์ 
| อายุ(สัปดาห์ที่)
 | น้ำหนัก(กรัม/ตัว)
 | อาหาร(กรัม/ตัว/วัน)
 |  | น้ำหนัก(กรัม/ตัว)
 | อาหาร(กรัม/ตัว/วัน)
 |  
| 12
 3
 4
 5
 6
 7
 8
 9
 10
 11
 12
 13
 | 132307
 529
 783
 933
 1,200
 1,400
 2,050
 2,080
 2,100
 2,130
 2,160
 2,190
 | ให้กินเต็มที่ให้กินเต็มที่
 ไม่กินเต็มที่
 ให้กินเต็มที่
 86
 85
 84
 83
 80
 79
 80
 81
 82
 | 1415
 16
 17
 18
 19
 20
 21
 22
 23
 24
 25
 26
 | 2,2102,240
 2,270
 2,300
 2,330
 2,360
 2,390
 2,410
 2,440
 2,470
 2,440
 2,530
 2,560
 | 8384
 85
 86
 87
 88
 89
 90
 91
 92
 93
 94
 95
 |  3. การเลี้ยงเป็ดเทศพ่อแม่พันธุ์เป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรี เริ่มไข่ฟองแรกเมื่ออายุ 24-48 สัปดาห์ พอเป็ดสาวเริ่มไข่และเป็ดหนุ่มเริ่มเจริญเติบโตเต็มที่ และแสดงอาการเป็นสัด ขนสวย หนังขรุขระบนใบหน้าสีชมพูแดง ปกติเพศผู้จะโตกว่าเพศเมีย 2 เท่า ให้คัดเป็ดสาวไว้ทำพันธุ์ โดยคัดตัวที่มีรูปร่างลักษณะดี ลำตัวยาวและกว้าง ท้องใหญ่ กระดูกเชิงกรานกว้าง ขนสีขาวปลอด หัวมีจุดสีดำเล็กน้อย น้ำหนัก 2.5-3.0 ก.ก. ส่วนเพศผู้ให้คัดตัวที่โตดีกว่าตัวอื่นๆ ในฝูง ปกติเราจะคัดพ่อพันธุ์ที่มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 4.0 ก.ก.ขึ้นไป และมีลักษณะดี แข็งแรง หน้าตาแจ่มใส สีชมพูแดง คลอเคลียตัวเมียเก่ง แสดงอาการอยากผสมพันธุ์ และยาว ขนสีขาวปลอด เว้นแต่จุดดำกลางหัว ปากใหญ่สีชมพู
 เมื่อคัดเป็ดแล้วให้เปลี่ยนอาหารเป็นอาหารเป็ดไข่สำหรับพ่อแม่พันธุ์ อาหารผสมนี้มีแคลเซี่ยมสูงกว่าเป็ดสาว เพราะมีแคลเซี่ยม 3% ซึ่งได้มาจากเปลือกหอยหรือปูนขาว การเลี้ยงเป็ดพ่อแม่พันธุ์จะต้องเอาใจใส่พิเศษ คือ
 
| (1) การให้แสงสว่างวันละ 14-16 ชั่วโมง จะช่วยให้เป็ดไข่ดีขึ้น จึงต้องเปิดไฟสว่างขนาด 20 วัตต์ ต่อพื้นที่ 10 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นวันละ 2-4 ชั่วโมง คือ หัวค่ำเปิดไฟถึง 3 ทุ่ม และอีกครั้งหนึ่งเวลาเช้ามืด 5-6 โมงเช้า |  
| (2) การให้อาหารที่มีคุณภาพและให้ในปริมาณที่สอดคล้องกับอัตราการไข่ของเป็ด ดูรายละเอียดในตารางที่ 7 |  
| (3) การฉีดวัคซีนป้องกันโรคดั๊กเพลก และอหิวาต์ ตามตารางการทำวัคซีนอย่างเคร่งครัด หลังจากทำวัคซีนดั๊กเพลก ไม่ควรเก็บไข่ไปฟักเป็นเวลา 7-10 วัน เพราะลูกเป็ดที่ฟักออกจะเลี้ยงยากและตายมาก สาเหตุจากการทำวัคซีน |  
| (4) อัตราส่วนของการผสมพันธุ์ ควรจะเป็นพ่อพันธุ์ 1 ตัว ผสมแม่พันธุ์ 5-7 ตัว |  
| (5) อาหารเป็ดจะต้องไม่มีข้าวโพดเป็นส่วนผสม เพราะทำให้การไข่, ผสมติดและฟักออกต่ำ และไม่ไข่เลย |  ตาราง 7  อัตราการไข่และปริมาณอาหารผสมที่กินต่อตัวต่อวันของเป็ดเทศพันธุ์กบินทร์บุรีแยกเป็นรายสัปดาห์ตลอดปีแรกของการผลิตไข่ฟัก 
| อายุการไข่(เดือน)
 | อัตราการไข่(%)
 | กินอาหาร(กรัม/ตัว/วัน)
 | อายุการไข่(สัปดาห์)
 | อัตราการไข่(%)
 | กินอาหาร(กรัม/ตัว/วัน)
 |  
| 12
 3
 4
 5
 6
 7
 8
 9
 10
 11
 12
 13
 14
 15
 16
 17
 18
 19
 20
 21
 22
 23
 24
 25
 26
 | 916
 33
 47
 55
 61
 43
 35
 44
 56
 61
 58
 59
 60
 59
 53
 46
 40
 34
 29
 28
 31
 32
 36
 32
 31
 | 150150
 150
 150
 150
 150
 150
 150
 170
 170
 170
 170
 170
 170
 170
 170
 170
 160
 160
 160
 160
 160
 160
 150
 150
 150
 | 2728
 29
 30
 31
 32
 33
 34
 35
 36
 37
 38
 39
 40
 41
 42
 43
 44
 45
 46
 47
 48
 49
 50
 51
 52
 | 2833
 34
 38
 32
 23
 16
 14
 16
 16
 18
 20
 26
 26
 27
 29
 34
 30
 35
 41
 42
 35
 27
 28
 28
 35
 | 150150
 150
 150
 150
 150
 150
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 140
 |  ตาราง 8  แสดงความต้องการโภชนะอาหารของเป็ดเทศแยกตามอายุและการให้ผลผลิต
 
 
 
| โภชนะอาหาร | อายุเป็ดสัปดาห์ | เป็ดพันธุ์ |  
| 0-3 | 4-10 | 11-26 | 27-72 |  
| พลังงานใช้ประโยชน์ (keal/kg) โปรตีน%
 แคลเซี่ยม%
 ฟอสฟอรัสใช้ได้%
 อาร์จินีน %
 ฮีสติดีน%
 ไอโซลูซีน%
 ลูซีน%
 ไลซีน%
 เมทไธโอนีน+ซีสตีน%
 เฟนนิล+ไทโรซีน%
 ทรีโอนีน%
 ทริปโตเฟน%
 เวลีน%
 | 2,89018.7
 0.90
 0.36
 1.12
 0.43
 0.66
 1.31
 1.10
 0.69
 1.44
 0.69
 0.24
 0.80
 | 2,89015.4
 0.72
 0.36
 0.92
 0.35
 0.54
 1.08
 0.90
 0.57
 1.19
 0.57
 0.20
 0.68
 | 2,60013.2
 0.90
 0.36
 0.79
 0.32
 0.57
 1.09
 0.61
 0.52
 1.04
 0.49
 0.16
 0.61
 | 2,73018.7
 3.0
 0.43
 1.14
 0.45
 0.80
 1.08
 1.00
 0.74
 1.47
 0.70
 0.22
 0.86
 |  
 |