ในปี พ.ศ.2538 ได้มีการนำกวางพันธุ์รูซ่า (Cervus timorensis) จากประเทศนิวคาลิโดเนีย ซึ่งเป็นกวางที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีอนุสัญญาการค้าระหว่างประเทศเพื่อคุ้มครองสัตว์ป่าที่หายาก The Convention on International Trade in Endangered Species (CITES) หรือในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดยสหกรณ์กวางแห่งประเทศไทย จำนวนกว่า 1,500 ตัว ให้กับเกษตรกรสมาชิก 240 ราย ปัจจุบันคาดว่า (2538-2544) มีกวางรูซ่าเลี้ยงขยายพันธุ์อยู่ทั่วประเทศประมาณ 5,000 ตัว ขณะที่สถิติจำนวนกวางในประเทศไทยแสดงตามภาคต่างๆ ระหว่างปี 2541-2542 มีกวางจำนวน 2,000 ตัว ตารางที่ 1 สถิติจำนวนกวางในประเทศไทยแสดงตามภาคต่างๆ ระหว่างปี 2541-2542
|
ลักษณะทั่วไปของกวาง |
กวางเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม กีบคู่ เคี้ยวเอื้อง จัดอยู่ใน
| ลำดับ Order : Artioduatgla | ||||
| วงศ์ Family : Cervidae | ||||
| วงศ์ย่อย sub-family : 4 วงศ์ย่อย | ||||
| สกุล Genus : 16 สกุล | ||||
| ชนิด Species : 37 ชนิด | ||||
กวางสามารถอาศัยอยู่ในทุกสภาพภูมิอากาศ มีการกรจายพันธุ์ตั้งแต่ทวีปอเมริกา เอเชีย ยุโรป และแอฟริกา สำหรับกวางในสกุล Cervus ที่พบในประเทศไทย มี 4 ชนิด คือ สมัน (Schomburk's deer, Cervus schomburhki ) ละองละมั่ง (Brow-antlered deer,Cervus eldi ) เนื้อทรายและกวางป่า กวางป่าเป็นชนิดย่อย (sub-species) Cervus uniculor equinus (สวัสดิ์,2527)
|
ลักษณะทางกายภาพของกวาง |
|
ฟัน |
โตเต็มที่มีฟันแท้ 32-34 ซี่ - ฟันบนประกอบด้วย ฟันเขี้ยว 0-2 ซี่ ฟันเคี้ยว 6 ซี่ ฟันบด 6 ซี่ - ฟันล่างประกอบด้วย ฟันตัด 6 ซี่ ฟันเขี้ยว 2 ซี่ ฟันเคี้ยว 6 ซี่ ฟันบด 6 ซี่ |
|
ต่อมน้ำตา |
อยู่ใต้หัวตาทั้ง 2 ข้าง ลักษณะเป็นร่อง ทำหน้าที่คัดหลั่งสิ่งขับที่มีกลิ่นฉุน ไหลตามร่องน้ำตา เพื่อปล่อยกลิ่น โดยกวางจะเอาหน้าถูกตามต้นไม้เป็นการแสดงอาณาเขต |
|
เขา (antler) |
กวางมีเขาเฉพาะตัวผู้ ยกเว้นกวางเรนเดียร์ ตัวเมียจะมีเขาด้วย และกวางมัสค์ จะไม่มีเขาทั้งตัวผู้และตัวเมีย |
|
กระเพาะอาหาร |
มี 4 กระเพาะ กวางไม่มีถุงน้ำดี ยกเว้นกวางมัสค์ที่มีถุงน้ำดี |
|
เต้านม |
มี 4 เต้า |
|
พันธุ์กวางที่สามารถนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจในประเทศไทย |
การทำฟาร์มกวางในประเทศไทย มีข้อจำกัดในการห้ามเลี้ยงกวางป่า เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติให้ทำการเพาะเลี้ยงในเชิงการค้าได้ โดยต้องขออนุญาตจากกรมป่าไม้ เพื่อป้องกันควบคุมการลักลอบจับสัตว์ป่าเพื่อการซื้อขาย พันธุ์กวางที่เลี้ยงทั่วไป ได้แก่
|
กวางป่า หรือกวางม้า |
มีถิ่นกำเนิดในประเทศมาเลเซีย เกาะสุมาตรา อินเดีย จีน ไต้หวัน กัมพูชา ลาว และไทย เป็นกวางที่มีขนาดใหญ่ สีน้ำตาลเข้ม |
|
เนื้อทราย |
มีถิ่นกำเนิดในเอเชีย พบได้ใน พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม และไทย มีขนาดเล็ก-กลาง |
|
กลางดาว |
เป็นกวางที่มีขนาดเล็ก เลี้ยงอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี อุปนิสัยค่อนข้างเชื่องกว่าพันธุ์อื่นๆ |
|
กวางรูซ่า |
มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ขนาดกลาง สีขนเทาจนถึงน้ำตาลเหลือง |
|
กวางซีก้า |
มีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น จีน เวียดนาม เป็นกวางที่มีขนาดกลาง ขนสีเหลืองอมน้ำตาล นิยมเลี้ยงเพื่อตัดเขากวางอ่อน |
|
กวางฟอลโล |
มีถิ่นกำเนิดในยุโรป ลำตัวสีเทา-น้ำตาล มีจุดสีขาวหางยาว |
|
กวางแดง |
มีถิ่นกำเนิดในยุโรป ขนสีน้ำตาลแดง มีขนาดใหญ่ |
ตารางที่ 3 ชนิดพันธุ์กวางที่สามารถเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจในประเทศไทย
|
พันธุ์กวาง |
ชื่อสามัญ |
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
ประเภทสัตว์ |
|
กวางป่า, กวางม้า |
Sambar deer |
Cervus uniculor |
สัตว์เศรษฐกิจ |
|
เนื้อทราย |
Hog deer |
Cervus porcinus |
สัตว์เศรษฐกิจ |
|
กวางดาว |
Chital deer |
Axis axis |
สัตว์เศรษฐกิจ |
|
กวางรูซ่า |
Rusa deer |
Cervus timorensis |
สัตว์เศรษฐกิจ |
|
กวางซีก้า |
Sika deer |
Cervus nippon |
สัตว์เศรษฐกิจ |
|
กวางแดง |
Red deer |
Cervus elaphus |
บัญชีไซเตรส |
|
กวางฟอลโล |
Fallow deer |
Dama dama |
บัญชีไซเตรส |
ที่มา : Grzimek (1984)
|
นอกจากนี้ยังมีกวางมัสค์ (Musk deer, Moschus moschiferus) ที่ประเทศจีนสกัดสารที่มีกลิ่นฉุนจากต่อมบริเวณช่องท้องของกวางตัวผู้ ใช้ทำการผลิตหัวน้ำหอม และกวางในเขตหนาวอื่นๆ เช่น กวางวาปิติ (Wapiti or Elk deer, Cervus canadensis) กวางเรนเดียร์ (Reindeer, Rangifer tarandas) เป็นต้น |
ตารางที่ 4 ข้อมูลจำเพาะของกวางพันธุ์ต่างๆ
|
พันธุ์กวาง |
น้ำหนัก (กก.) |
ส่วนสูง (ซ.ม.) |
ความยาว (ซ.ม.) |
ระยะอุ้มท้อง (วัน) |
|
กวางป่า (อินเดีย) |
150-315 |
120-150 |
170-270 |
240 |
|
เนื้อทราย |
70-110 |
60-75 |
105-115 |
220-235 |
|
กวางดาว |
75-100 |
75-97 |
110-140 |
210-225 |
|
กวางรูซ่า |
102 |
110 |
- |
252 |
|
กวางซีก้า |
45-80 |
63-109 |
110-170 |
222-240 |
|
กวางแดง |
75-340 |
75-150 |
165-265 |
225-262 |
|
กวางฟอลโล |
35-200 |
80-105 |
130-235 |
232-237 |
ที่มา : Grzimek (1984)
|
กวางป่า หรือ กวางม้า "กวางไทย" |
| ลักษณะทั่วไป - ถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ อินเดีย ศรีลังกา เนปาล พม่า ภูฎาน ไทย ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบางส่วนของจีน - มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ - สีขาวแกมน้ำตาลเข้ม หางค่อนข้างสั้น แต่ใหญ่ หางยาวประมาณ 26-30 ซ.ม. ขนหางด้านล่างมีสีขาว เพศเมียมีสีอ่อนกว่า - บริเวณหัวตาแต่ละข้างจะมีแอ่งน้ำตาขนาดใหญ่ เรียกว่า ต่อมใต้กระบอกตา ใช้ในการผลิตสารที่มีกลิ่นฉุนสำหรับสื่อสารและบอกอาณาเขต จะขยายใหญ่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ - เพศผู้อาจมีน้ำหนักถึง 320 กก. แต่ทั่วไปน้ำหนักเฉลี่ย 250 กก. วัดความยาวจากปลายจมูกถึงโคนหาง 180-200 ซ.ม. ความสูงจากพื้นถึงไหล่ 140-160 ซ.ม. - เพศเมียอาจมีน้ำหนักถึง 250 กก. เฉลี่ย 155 กก. สูง 120 ซ.ม. |
|
อุปนิสัย |
|
เนื้อทราย หรือ ตามะแน |
| ลักษณะทั่วไป - มีขนาดเล็ก ขนสีน้ำตาล หรือสีน้ำตาลแกมแดง บางตัวอาจจะมีจุดสีขาวบริเวณลำตัว - มีถิ่นกำเนิดในที่ราบลุ่มของประเทศอินเดีย ปากีสถาน พม่า เนปาล อัสสัม กัมพูชา เวียดนาม และไทย ปัจจุบันประเทศไทยพบยากมากในป่าธรรมชาติ แต่มีการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้ดีในการเลี้ยงขังตามสวนสัตว์ และฟาร์มเอกชนหลายแห่ง - ค่อนข้างเจ้าเนื้อ อ้วนเตี้ยคล้ายหมู (Hog) - เพศผู้เมื่อโตเต็มที่มีความสูงที่หัวไหล่ 70 ซ.ม. หนัก 45-50 กก. เพศเมีย มีขนาดเล็กกว่า สูง 61 ซ.ม. และหนัก 30 กก. - เขา มีเฉพาะตัวผู้ เขาเทียนจะเริ่มงอกเมื่ออายุประมาณ 8 เดือน และผลัดเปลี่ยนเขาทุกปี เขาของเนื้อทรายจะมีข้างละ 3 กิ่ง คล้ายกับเขาของกวางป่า |
|
อุปนิสัย |
|
กวางรูซ่า |
|
ลักษณะทั่วไป |
|
กวางที่จับแยกจากแม่มาเลี้ยงตั้งแต่เล็กอายุไม่เกิน 2 เดือน ค่อนข้างเชื่องและคุ้นเคยกับคนเลี้ยงทั้งเพศผู้และเพศเมีย สามารถปล่อยออกมาเดินเล่นกับคนได้ เมื่อถึงระยะที่เขาแข็งกวางเพศผู้ที่คุ้นเคยกับคนจะดุมาก จะแสดงอาการเดินเข้าหาแบบช้าๆ ขนที่คอจะตั้งชัน ร่องที่ใต้ตาจะเปิดออก ทำริมฝีปากม้วน ฉี่เป็นวงใส่ตัวเอง กระทืบเท้าและทุ่มตัวเข้าใส่ พร้อมที่จะขวิดเมื่อคนเข้าใกล้ |
|
กวางฟอลโล |
| ลักษณะทั่วไป - ขนาดเล็ก มีถิ่นกำเนิดในยุโรป เมดิเตอร์เรเนียน - โตเต็มที่สูงประมาณ 75-105 ซ.ม. น้ำหนัก 50-80 กก. - หน้าสั้น ลำตัวสีน้ำตาลจาง-น้ำตาลสนิม มีจุดขาว บางตัวมีสีขาวตลอดลำตัว ฤดูร้อนลำตัวเป็นสีน้ำตาลมีจุดขาวเห็นเด่นชัด หน้าหนาวลำตัวสีน้ำตาลสนิม-น้ำตาลเทา มีจุดน้อยสีขาวจางๆอุปนิสัย - ชอบอยู่รวมเป็นฝูง - ค่อนข้างขี้ขลาด ตื่นเต้นได้ง่ายกว่าพันธุ์อื่น ถ้าเกิดเสียงดังจะวิ่งหนี หรือกระโดด (คล้ายกระต่าย) ไปก่อน แล้วค่อยๆ เดินกลับมาดูอีกครั้ง แต่ถ้าถึงเวลาให้อาหารก็จะเข้าใกล้คน ย้ายฝูงได้ง่าย |
|
กวางเพศผู้ |
|
ปัญหาและอุปสรรคที่พบในการเลี้ยงกวางฟอลโล |
|
กวางแดง |
|
ลักษณะทั่วไป |
| เพศผู้ ในช่วงที่มีเขาแข็งจะต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงเพศเมีย ตัวใดชนะก็จะคุมฝูงและไล่ขวิดตัวผู้อื่นๆ ไม่ให้เข้าใกล้บริเวณที่มีตัวเมียอยู่ โดยจะวิ่งวนไปรอบฝูงตัวเมีย เพศเมีย ในช่วงแรกที่นำเข้ามาใหม่ๆ กวางจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ไม่ดีนัก ทำให้ลูกกวางที่เกิดมาอ่อนแอตายเป็นจำนวนมาก แม่กวางจะหวงลูกและซ่อนลูกไว้ใต้พุ่มไม้ ถ้ามีคนไปรบกวนหรือจับตัวลูกกวาง แม่จะไม่ยอมรับลูกเลย บางครั้งจะให้หัวตบ กัด เตะ และกันไม่ให้เข้าฝูง ลูกกวาง ช่วงระยะหย่านมจะต้องมีการศึกษาระยะที่เหมาะสมในการหย่านม เนื่องจากลูกกวางเมื่อหย่านมใหม่ๆ จะร้องเรียกแม่อยู่ตลอดเวลาและเดินวนรอบแปลงหญ้าตลอดคืน ทำให้ลูกกวางเหนื่อยตายได้ |
| ปัญหาและอุปสรรคที่พบในการเลี้ยงกวางแดง เนื่องจากเป็นกวางที่มีถิ่นกำเนิดในเขตหนาว และตัวใหญ่จึงค่อนข้างหอบง่ายกว่ากวางพันธุ์อื่นๆ เมื่อมีการไล่ต้อนเพื่อย้ายแปลง ถ้าไม่สามารถย้ายได้ในการไล่ครั้งแรก หรือครั้งที่สอง จะต้องปล่อยให้กวางหยุดพักแล้วจึงไล่ใหม่ ทำให้เสียเวลาในการไล่ต้อน |
|
กวางซีก้า (กวางญี่ปุ่น) |
| ลักษณะทั่วไป - มีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น จีน เวียดนาม - มีขนาดกลาง ขนสีเหลืองอมน้ำตาล น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ เพศผู้ 70-110 กก. เพศเมีย 50-60 กก. - ประเทศจีน เลี้ยงเพื่อผลิตเขากวางอ่อน เขากวาง มีข้างละ 4 กิ่ง น้ำหนักเขาอ่อน 0.5-1 กก. ต่อคู่ ในร้ายขายยาจีน (เยาวราช) จำหน่ายเขากวางอ่อนอบแห้ง ส่วนใหญ่เป็นเขากวางซีก้าอุปนิสัย มีความสามารถในการกินอาหารได้หลายชนิด ทั้งหญ้าและใบไม้ เมื่อโตเต็มที่จะกินหญ้าสดประมาณ 10-15 กก./วัน สามารถรวมฝูงได้ดี (กวางซีก้าที่มีขายในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์เวียดนาม ซึ่งถูกจับมาเลี้ยงแบบขังนานกว่า 100 ปีแล้ว จึงเป็นกวางที่สามารถปรับตัวเข้ากับการเลี้ยงแบบขังคอกได้ดี 4-8 ตารางเมตร/ตัว) |
|
กวางลูกผสมแซมบ้า-รูซ่า (Sambar-Rusa Crossbred) |
|
ลักษณะทั่วไป |
พฤติกรรมของกวาง
|
พฤติกรรมการกินอาหาร |
กวางจัดเป็นสัตว์ประเภท intermediate selector สามารถกินหญ้าและใบไม้ต่างๆ รวมทั้งยังสามารถแทะเปลือกต้นไม้เป็นอาหารได้ ปริมาณการกินได้ของกวางรูซ่าขึ้นอยู่กับพันธุ์ อายุ ขนาดและเพศ (ตารางที่ 5)ตารางที่ 5 ปริมาณการกินได้ของกวางรูซ่า (กก.วัตถุแห้ง/ตัว/วัน)
|
ปริมาณการกินอาหาร |
เพศผู้ |
เพศเมีย |
| ลูกกวาง (6 เดือน) กวางรุ่น (8 เดือน- 1 ปี) กวางใหญ่ (มากกว่า 1 ปี) |
1.0 |
0.8 |
ที่มา : Woodford and Dunning (1990)กวางเป็นสัตว์ที่อาศัยในปาธรรมชาติทุกภาคของประเทศไทย ทั้งป่าต่ำและป่าสูง ชอบหากินในทุ่งโล่งและชายป่าในเวลากลางวันและช่วงเช้า และเมื่ออากาศร้อนจะขึ้นหลบซ่อนไปนอนตามพุ่มไม้ชายป่าอาหารที่ใช้เลี้ยงกวาง
| อาหารหยาบ กวางเป็นสัตว์ที่กินพืชอาหารสัตว์ได้เกือบทุกชนิด เช่น หญ้า ถั่ว พืชอาหารสัตว์ต่างๆ เช่น หญ้าหมัก ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ต้นไมยราบ กระถิน ต้นไม้ใบต่างๆ แต่จะไม่ชอบกินพืชที่มีกลิ่นหรือยาง เช่น ต้นดอกรัก สะเดา กะเพรา เป็นต้น ควรมีพืชอาหารสัตว์สำรองไว้ให้เพียงพอ ถ้ากวางได้รับอาหารหยาบที่มีคุณภาพเพียงพอแล้วจะช่วยลดต้นทุนค่าอาหารข้น |
| อาหารข้น ในช่วงฤดูแล้งที่ขาดแคลนหญ้าสด ช่วงกวางตั้งท้อง ช่วงให้นมลูก และกวางที่ป่วยอ่อนแอ ควรเสริมอาหารข้น โดยจะใช้อาหารโคนมโปรตีน 16-18% ให้กินวันละ 1% น้ำหนักตัว |
จากการสังเกตพฤติกรรมการกินอาหารของกวาง ในระยะแรกที่นำมาเลี้ยงกวางจะออกแทะเล็มพืชหญ้าและกินอาหารข้นในตอนเย็นและกลางคืน ช่วงกลางวันจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มซ่อนตัวใต้ร่มเงาไม้ เนื่องจากกวางยังมีสัญชาติญาณของสัตว์ป่าระวังภัยอยู่ กวางกินหญ้าได้ทุกชนิด แต่ควรระวังหญ้าซิกแนล หากให้กินอย่างเดียวทุกวันอาจะได้รับเชื้อรา หรือสารพิษ Saponin กวางจะเลือกกินส่วนของใบหญ้า ไม่ชอบกินส่วนก้าน และจะเลือกกินใบไม้หรือวัชพืชบางชนิด คือ
- ใบไม้ที่กวางกินได้ เช่น ใบมะขามเทศ ใบกก ใบกล้วย ใบพุทรา ใบมะกอกป่า ใบกระถิน ใบขนุน ใบปีบ ใบตะคล้า ใบไมยรา และใบพืชตระกูลถั่วชนิดต่างๆ
- ใบไม้ที่กวางไม่กิน เช่น ใบสาบเสือ ใบหนาด ใบคันทา ใบดอกรัก ใบตีนกา ใบยอดอ้อย และใบต้นสบู่
การให้อาหารกวาง
| 1. การเลี้ยงแบบขังกรง ตัดพืชอาหารสัตว์มาให้กิน | ||
| - ต้องมีพืชอาหารให้กินอย่างเพียงพอตลอดเวลา | ||
| - ควรมีแหล่งพืชอาหารอย่างน้อย 2-3 แหล่ง | ||
| - รางอาหารควรยาวพอให้กวางได้กินทุกตัว ไม่เบียดกัน | ||
| - ควรตัดพืชอาหารให้กินหลายๆ ชนิด และตัดหญ้าสดให้กินทุกวัน | ||
| 2. เลี้ยงแบบปล่อยแปลงหญ้า | ||
| - ควรมีแปลงหญ้าหมุนเวียนอย่างเพียงพอ (ไม่ควรน้อยกว่า 3 แปลง) | ||
| - ควรปลูกหญ้าไว้อย่างน้อย 2 ชนิด (ชนิดละแปลง) | ||
|
พฤติกรรมการผสมพันธุ์ |
|
ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ กวางตัวผุ้จะมีเขาที่แข็งเต็มที่ คอใหญ่ ไหล่หนาสีขนเข้มขึ้น และลูกอัณฑะจะมีขนาดใหญ่ทำให้มีน้ำเชื้ออสุจิมากจึงเป็นช่วงที่เหมาะสมในการผสมพันธุ์ พฤติกรรมของกวางจะทำเสียงขู่ เขาขวิดต้นไม้ ชนรั้ว ต่อสู้คน ต่อมใต้ตาเปิด ตาขวาง ชอบเล่นน้ำ และชอบฉี่รดรอบตัวเองให้มีกลิ่นติดตัวเพื่อเรียกความสนใจจากตัวเมีย และจะทำริมฝีปากม้วนคล้ายแพะ กวางบางพันธุ์จะเปลี่ยนสีขนในฤดูกาลผสมพันธุ์ เช่น กวางซีก้า จะเปลี่ยนสีขนเป็นสีน้ำตาลหมดทั้งตัว กวางรูซ่ามักจะตามไล่ตัวเมียที่เป็นสัด แต่ถ้าเป็นกวางป่าตัวเมียจะเข้ามาหาตัวผู้ อัตราส่วนการคุมผูงผสมพันธุ์ ตัวผู้ : ตัวเมีย เท่ากับ 1:20-30 อายุที่เหมาะสมในการผสมพันธุ์ของกวางรูซ่าตัวผู้ อายุ 2 ปี น้ำหนัก 70 กก. ตัวเมีย อายุ 18 เดือน น้ำหนัก 45 กก. จะทำให้ความสมบูรณ์พันธุ์ต่ำลงด้วย นอกจากนี้อาหารที่มีคุณภาพดีมีผลต่ออัตราการตั้งท้องสูงถึง 95% ถ้ากวางได้รับอาหารคุณภาพต่ำโอกาสการตั้งท้องเพียง 55% อายุที่เหมาะสมในการผสมพันธุ์ของกวางฟอลโล 16 เดือน ซึ่งมีน้ำหนักตัว 30 กก.ฤดูกาลผสมพันธุ์ของกวางรูซ่าโดยปกติจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม แต่จากการศึกษาข้อมูลการเกิดของลูกกวางพันธุ์ต่างๆ พบว่า ลูกกวางพันธุ์รูซ่าเกิดขึ้นตลอดปี ซึ่งหมายถึงกวางรูซ่าสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปีเช่นเดียวกับกวางพันธุ์พื้นเมืองของไทย ที่มีลูกเกิดตลอดปี ขณะที่กวางแดงและกวางฟอลโลเป็นกวางพันธุ์ยุโรปที่มีฤดูผสมพันธุ์ค่อนข้างสูงมาก (highly season patterns of reproduction) ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และจะคลอดลูกในเดือน มิถุนายน-สิงหาคม ทั้งนี้อาจเนื่องจากความยาวของแสง (photoperoid) มีอิทธิพลต่อการผสมพันธุ์ของกวางแดงและกวางฟอลโล (Asher และคณะ, 1991) กวางส่วนใหญ่มักคลอดลูกเพียงตัวเดียว แต่กวางมูส และกวางน้ำจีน (Chinese Water Deer) ที่ให้ลูกแฝด |
|
การจัดการเลี้ยงกวาง |
| สภาพพื้นที่ในการเลี้ยงกวาง |
| - พื้นที่ในการเลี้ยงกวางควรเป็นที่ดอน หรือหากเป็นพื้นราบไม่ควรมีน้ำขังแฉะจนเป็นโคลนตม |
| - ลักษณะแปลงที่ปล่อยเลี้ยงกวางควรเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีแปลงไม่น้อยกว่า 3 แปลง เพื่อแยกเลี้ยงกวางระยะอุ้มท้องกับแม่เลี้ยงลูก กวางหย่านม และกวางที่โตเต็มที่ |
| - ควรมีทางวิ่ง (race way) ระหว่างทุกแปลงสำหรับใช้ต้อนกวาง |
| - ควรมีต้นไม้ใหญ่ในแปลง หรือที่ให้ร่มเงาและไว้หลบซ่อนระวังภัย เนื่องจากกวางเป็นสัตว์ที่ตกใจง่าย เมื่อตกใจจะกระโจนไปตามแนวรั้ว ชนบาดเจ็บ |
| - ควรเลี้ยงกวางให้ห่างจากฟาร์มแกะและสุกรอย่างน้อย 1 กิโลเมตร เนื่องจากอาจจะติดเชื้อโรค Malignant catarrh จากแกะ และอาจะติดเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยจากสุกรได้ |
| - ถ้าเป็นไปได้ควรนำตัวอย่างดินส่งตรวจเชื้อมงคล่อพิษ และเชื้อแอนแทรกซ์ |
| - การล้อมรั้วกวาง ขอบล่างให้ติดพื้นดิน และใช้เส้นรั้วลวดหนามขึงติดกับพื้นดินป้องกันสุนัขเข้ามาทำร้าย กวางรูซ่าควรมีรั้วรอบนอกสูงไม่น้อยกว่า 1.9 เมตร และใช้รั้วที่มีความยืดหยุ่นได้ดี ป้องกันกวางได้รับบาดเจ็บจากการวิ่งชนกระแทก |
| - หากเลี้ยงกวางจำนวนมากควรมีคอกคัดกวาง (deer yard) และมีซองบังคับตัวกวาง (deer crush) เพื่อสะดวกในการจัดการ เช่น คัดกวางสำหรับแบ่งฝูง ชั่งน้ำหนัก ตัดเขา หรือทำวัคซีน |
| - แม่กวางก่อนและหลังคลอด ควรแยกเลี้ยงในแปลงที่มีร่มเงาหรือมีไม้สูงเพื่อใช้เป็นที่หลบคลอดลูก |
ความหนาแน่นในการเลี้ยงกวางแบบขังกรง กวางอุ้มท้องใกล้คลอดและเลี้ยงลูกใช้พื้นที่ 100 ตรม. ขนาดอื่นใช้พื้นที่ 50 ตรม. แบบปล่อยแปลง (stocking rate) ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแปลงหญ้า ถ้าคุณภาพดีสามารถเลี้ยงกวางรูซ่า 2-3 ตัว/ไร่ กวางฟอลโล 2-4 ตัว/ไร่ กวางแดง 1 ตัว/ไร่ เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ใช้แปลงหญ้าเลี้ยงโค 1 ตัว เท่ากับเลี้ยงกวางฟอลโลได้ 8 ตัว หรือกวางแดง 3 ตัว หรือคิดตามปริมาณความต้องการอาหาร (วัตถุแห้ง) ตัวอย่าง ถ้าหากเลี้ยงแม่กวาง 5 ตัว พ่อพันธุ์ 1 ตัว จะต้องใช้หญ้าสดกี่กิโลกรัม?
| แม่กวาง 5 ตัว กินอาหารตัวละ 1.0 กก. รวมกิน | 5 กก./วัน | |
| พ่อกวาง 1 ตัว กินอาหารตัวละ 1.7 กก. รวมกิน | 1.7 กก./วัน |
|
| รวมกินอาหาร (วัตถุแห้ง) | ||
| (หญ้าสด มีวัตถุแห้งประมาณ 25%) | ||
| จะต้องตัดหญ้าสดให้กินวันละ (6.7x100)/25= | 26.8 กก./วัน |
สมรรถภาพการเจริญเติบโตของกวางรูซ่าหากมีการจัดการให้อาหารคุณภาพแตกต่างกัน จะทำให้กวางมีน้ำหนักตัว 70 กก. ที่อายุต่างกันได้ กล่าวคือ ถ้าให้หญ้าคุณภาพดีผสมพืชตระกูลถั่วหรือเสริมอาหารข้น จะทำให้กวางมีน้ำหนักตัว 70 กก. เมื่ออายุ 1 ปี แต่ถ้าให้อาหารหยาบเพียงอย่างเดียวอาจจะใช้เวลานานอายุถึง 2 ปีChardonnet (1993) รายงานสมรรถภาพการเจริญเติบโตของกวางรูซ่า มีน้ำหนักแรกเกิด เฉลี่ย 4 กก. (เพศผู้ 4.5 กก. เพศเมีย 3.5 กก.) น้ำหนักหย่านมอายุ 4 เดือน เฉลี่ย 30 กก. อัตราการเจริญเติบโตก่อนหย่านมเฉลี่ย 200 กรัม/วัน น้ำหนักเมื่ออายุ 15 เดือน (เพศผู้ 55 กก. เพศเมีย 45 กก.) เฉลี่ย 50 กก. อัตราการเจริญเติบโตหลังหย่านม (4-15 เดือน) เฉลี่ย 60 กรัม/วันกวางรูซ่า มีอัตราการเลี้ยงรอดและมีการเจริญเติบโตดี และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ขณะที่กวางฟอลโล มีอัตราการตายแรกเกิดสูง ทั้งนี้เนื่องจากพ่อแม่พันธุ์ไม่สามารถปรับตัวเข้าสภาพแวดล้อมการเลี้ยงขังในแปลงที่จำกัดและเปิดโล่ง ทำให้สัตว์เกิดความเครียด ทำให้อัตราการเลี้ยงลูกรอดต่ำมาก
|
การผลิตเนื้อกวาง (venison) |
จากการศึกษาซากกวางรูซ่าที่ศูนย์วิจัยฯ หนองกวาง พบว่า น้ำหนักก่อนฆ่าเฉลี่ย 56 กก. มีเปอร์เซ็นต์ซาก 62.1% เปอร์เซ็นต์เนื้อแดง กระดูก และไขมัน เท่ากับ 78.4, 20.3 และ 1.3% ตามลำดับประเทศนิวซีแลนด์จะนำกวางส่งโรงฆ่า เมื่อกวางมีอายุ 15-18 เดือน เพราะถ้าเลี้ยงต่อไปกวางจะสะสมไขมัน ประสิทธิภาพการใช้อาหารลดลง ทำให้เปลืองค่าอาหาร และคุณภาพของเนื้อกวางจะเริ่มเหนียวถ้ามีอายุ 3 ปีขึ้นไป กวางฟอลโลจะส่งโรงฆ่าเมื่ออายุ 12-15 เดือน น้ำหนักตัว 45-50 กก. และจะได้น้ำหนักซาก 25.30 กก. (Yerex และ Spiers, 1990) กวางจะมีเปอร์เซ็นต์ซาก 55-60% (ตารางที่ 6) และซากกวางหลังชำแหละ ได้เนื้อแดง 70-75% (ตารางที่ 7) ขณะที่สัตว์อื่นๆ มีเนื้อแดงเพียง 45-60% ทั้งนี้ เนื่องจากกวางมีสัญชาติญาณในการระวังภัยสูงมักหนีตลอดเวลา จึงทำให้มีมัดกล้ามเนื้อที่ขาหลังมากเป็นพิเศษไขมันต่ำ และเนื้อแดงมีสีคล้ำมาก เนื่องจากมีปริมาณธาตุเหล็กที่สูงกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ (Drew และ Hogg, 1990)ตารางที่ 6 น้ำหนักซากและเปอร์เซ็นต์ซากของกวางเมื่ออายุต่างๆ
|
พันธุ์กวาง |
อายุ 1 ปี |
อายุ 2 ปี |
โตเต็มวัย |
|
|
รูซ่า |
น้ำหนักซาก (กก.) เปอร์เซ็นต์ซาก (%) |
50.0 |
- |
- |
|
ฟอลโล |
น้ำหนักซาก (กก.) เปอร์เซ็นต์ซาก (%) |
24.5 |
30.6 |
- |
|
กวางแดง |
น้ำหนักซาก (กก.) เปอร์เซ็นต์ซาก (%) |
54.9 |
76.0 |
112.0 |
ที่มา : Drew และ Hogg (1990)
|
เนื้อกวางมีไขมันปริมาณค่อนข้างต่ำและมีไขมันประเภทอิ่มตัว (ที่เป็นสาเหตุไขมันอุดตันในเส้นเลือดสูง) อยู่น้อยมาก ขณะเดียวกันกรดไขมันในเนื้อกวางเป็น essential fatty acid มีอยู่ในปริมาณค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาใช้ได้เอง |
ตารางที่ 7 ส่วนประกอบของซากกวาง
|
พันธุ์กวาง |
อาย |
น้ำหนัก |
เนื้อแดง |
ไขมัน |
กระดูก |
เนื้อแดง |
เนื้อแดง |
|
ฟอลโล |
2 |
40 |
73.9 |
9.1 |
13.6 |
8.1 |
5.4 |
|
กวางแดง |
2 |
60 |
72.7 |
7.0 |
20.3 |
10.4 |
3.6 |
ที่มา : Gregson และ Purchas (1985)ตารางที่ 8 คุณค่าทางโภชนะของเนื้อกวางเปรียบเทียบกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ
|
เนื้อสัตว์ |
โปรตีน |
พลังงาน |
แคลเซี่ยม |
ฟอสฟอรัส |
ไทอามีน |
ไรโบเฟลวิน |
ไนอาซีน |
| เนื้อโค |
18.5 |
263 |
11 |
171 |
0.08 |
0.16 |
4.4 |
| เนื้อแกะ |
16.5 |
263 |
10 |
147 |
0.15 |
0.20 |
4.8 |
| เนื้อสกุร |
15.7 |
308 |
9 |
175 |
0.76 |
0.18 |
4.1 |
| เนื้อกวาง |
21.6 |
126 |
10 |
249 |
0.23 |
0.48 |
6.3 |
ที่มา : Drew และ Hogg (1990)
|
การผลิตเขากวางอ่อน (valvet antler) |
ลักษณะของเขากวางกวางตัวผู้จะเริ่มสร้างเขาเมื่ออายุประมาณ 1 ปี จากปุ่มส่วนหน้าของกะโหลกศรีษะ เป็นอวัยวะที่เจริญมาจากส่วนของเนื้อเยื่อชั้นนอก (epidermis) โดยงอกติดกะโหลกด้านหน้า (frontal bone) แต่ไม่ได้เป็นส่วนของกะโหลกศรีษะ เขามีลักษณะตัน ไม่กลวงเหมือนเขาโค แพะ แกะ ในช่วงที่เขาอ่อน (valvet) จะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงและอุดรมด้วยเนื้อเยื่อ vascular ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และแร่ธาตุแคลเซี่ยม โดยเฉพาะส่วนปลายเขามีแร่ธาตุซีลิเนี่ยมอยู่จำนวนมาก ตัวลำเขาของกวางป่ายาว 70-80 ซ.ม.เขากวางแต่ละข้างจะมี 3 กิ่ง กิ่งแรกเรียก กิ่งรับหมา (brow tine) จะชี้ไปด้านหน้า ตัวลำเขาจริงจะชี้ไปด้านหลัง รอยต่อระหว่างกิ่งรับหมาและลำเขาจริงจะมีลักษณะคล้ายรูปตัวยู ก้ำกึ่งรูปตัววี ปลายของลำเขาจริงจะแตกแขนงออกเป็น 2 กิ่ง โดยที่กิ่งด้านหน้าจะยาวกว่ากิ่งด้านหลัง ลักษณะภายนอกของเขาอ่อนมีหนังหุ้มขนสั้นละเอียดคล้ายกำมะหยี่
|
|
เขากวางอ่อนเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน จะแปรสภาพเป็นเขาแข็ง (antler) มีลักษณะคล้ายหินปูนสีขาว เขากวางจะแก่เต็มที่และแข็งแรงในช่วงฤดูผสมพันธุ์ (พฤษภาคม-กรกฎาคม) และเขาจะหลุดในเดือนกันยายน ซึ่งกวางจะสามารถผลัดเขาได้และสร้าขึ้นมาใหม่ทุกปี กวางจึงจัดอยู่ในตระกูล Cervidae ในขณะที่เขาของแพะแกะ (horn) ไม่สามารถผลัดเขาและสร้างขึ้นมาใหม่ได้เหมือนเขากวางกวางป่าจะมีการผลัดเขาทุกปีในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ภายหลังจากเขาหลุด 7 วัน กวางจะสร้างเนื้อขึ้นมาหุ้มบริเวณที่เขาหลุด จากนั้นอีกประมาณ 21 วัน จะเริ่มงอกเขาใหม่ การเจริญเติบโตของเขากวางจะมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เพิ่มขึ้นทั้งขนาดและความยาว จนกระทั่งกวางมีอายุ 9-10 ปี ความยาวของเขากวางจะลดลงแต่มีขนาดใหญ่ขึ้น (สวัสดิ์, 2527) ขณะที่สนั่นและคณะ (2539) รายงานว่า เขากวางอ่อนของกวางป่าอายุเฉลี่ย 6 ปี มีน้ำหนักสดข้างละ 820-1,640 กรัม ยาว 41-63 ซ.ม. เส้นรอบวง 11.5-17.2 ซ.ม. จากการศึกษาการสร้างเขากวางของกวางรูซ่าทีเลี้ยงในศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์หนองกวาง พบว่า กวางรูซ่าเริ่มงอกเขาแรก (เขาเทียน) เมื่ออายุ 234 วัน เขามีความยาวสูงสุดเฉลี่ย 10.21 ซ.ม. (7.0-17.5) เส้นรอบวงเขาเฉลี่ย 7.13 ซ.ม. (5.5-10.5 ซ.ม.) และสลัดเขาแรกทิ้งเมื่ออายุ 418 วัน หลังจากสลัดเขาแรกทิ้ง 24.11 วัน จึงเริ่มสร้างเขาสองเมื่ออายุ 653.43 วัน น้ำหนักเขากวางอ่อนในแต่ละปี (ตารางที่ 9)
ตารางที่ 9 ผลการศึกษาน้ำหนักของเขากวางอ่อนรูซ่า
|
อายุกวาง |
ก่อนอบ |
หลังอบ |
% น้ำหนักแห้ง |
|
2 ปี |
355.34 |
162.28 |
45.63 |
ที่มา : Yerex และ Spiers (1990)










กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมปศุสัตว์